“ศรีสุวรรณ” นำตัวแทนชุมชนชาวกระบี่ ร้องศาลปกครองสั่งระงับการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ยกเลิกท่าเทียบเรือถ่านหิน จี้ ก.ทรัพย์บังคับใช้ กม. ขอศาลมีมาตรการคุ้มครองชั่วคราว อ้างมีการเปลี่ยนแปลงรายงานไม่ยอมแจ้ง ฝั่งนักวิชาการแจงกระบี่พร้อมให้มีโรงไฟฟ้า แต่ต้องใช้พลังงานสะอาด
วันนี้ (26 ก.ย.) สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นำโดยนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคม พร้อมตัวแทนชุมชนผู้มีส่วนได้เสียจากท่าเทียบเรือถ่านหิน จ.กระบี่ ส่วนหนึ่งของ โครงการก่อสร้างโรไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ประมาณ 50 คน เดินทางเข้ายื่นฟ้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้ถูกฟ้องที่ 1 และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ถูกฟ้องที่ 2
โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า การสร้างท่าเทียบเรือถ่ายถ่านหินที่บ้านคลองรั้ว จ.กระบี่ บริเวณที่ กฟผ. เลือกเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ และเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การดำเนินการก่อสร้างไมได้มีการขออนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแล นอกจากนี้ กฟผ.จ้างบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แมเนจเม้นท์ จำกัด เข้าทำการศึกษาและจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบวิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งมีการจัดรับฟังความเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ค.1) แต่กลับพบว่ามีเปลี่ยนแปลงรายงานซึ่งถือว่าเป็นสาระสำคัญ คือ จากเดิมมีการระบุเส้นทางเดินเรือ และเรือบรรทุกถ่านหินขนาด 3,000 เดตเวตตัน เปลี่ยนเป็นเรือบรรทุกถ่านหิน 10,000 เดตเวตตัน โดยไม่แจ้งให้ชาวบ้านทราบ ส่งผลให้การดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
จึงต้องมาร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ 1. เพิกถอนโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว 2. เพิกถอนรายงานอีไอเอ 3. ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบังคับใช้กฎหมายไม่ให้มีการดำเนินการใดๆในพื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และ 4. ขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวระงับการจัดกิจกรรมและการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไว้ก่อนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นเพื่อยุติความขัดแย้งที่กำลังปะทุอย่างรุนแรงในพื้นที่ขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตทางสมาคมฯก็จะได้มีการยื่นฟ้องเพื่อขอให้เพิกถอนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ต่อไป
ด้านนางเรณู เวชรัชต์พิมล อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งทำการศึกษาในเรื่องดังกล่าวกล่าวว่า ชาวกระบี่ไมได้คัดค้านการมีโรงไฟฟ้า แต่คัดค้านการใช้ถ่านหินในการผลิต ซึ่งในจังหวัดเขามีการทำปฏิญญาให้กระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยวสีเขียว การผลิตไฟฟ้าสามารถเลือกใช้พลังงานที่สะอาดได้ แล้วทำเป็นโรงไฟฟ้าที่จะเป็นสถานที่ศึกษาดูงานของนานาชาติ ซึ่งก็จะไม่เกิดปัญหากับชุมชนด้วย อีกทั้งทุกวันนี้ ในพื้นที่กระบี่ก็มีโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มที่สามารถนำมาเป็นพลังงานผลิตไฟฟ้าได้ และแต่เขาผลิตเป็นไฟฟ้าแล้วขายให้กับ กฟผ.ไม่ได้ โดย กฟผ.ไม่รับซื้ออ้างว่าสายส่งไม่เพียงพอ