ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจภูธรภาค 8 เตรียมเรียกผู้ครอบครองชายหาดที่มีหลักฐานการกระทำผิดชัดเจนกว่า 170 ราย รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่นอีก 2 แห่ง ที่ให้การสนับสนุนมาดำเนินคดีเพิ่มเติมตามยุทธการทวงคืนชายหาดสาธารณะในจังหวัดภูเก็ต ขณะที่การดำเนินคดีต่อกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลล็อตแรกส่งฟ้องและศาลตัดสินมาแล้ว 1 คดี ในพื้นที่เชิงทะเล โทษรอลงอาญา 2 ปี
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะหัวหน้าชุดปฎิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและกระทำผิดกกหมายทุกรูปแบบในจังหวัดภูเก็ต ประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกว่า 30 นาย เพื่อหารือแนวทางการดำเนินคดีย้อนหลังต่อผู้ที่บุกรุกครอบครองชายหาดในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนที่สามารดำเนินคดีได้แล้ว จำนวน 177 ราย รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต 1 ราย และอดีตผู้บริหารท้องถิ่นอีก 1 ราย
พล.ต.ต.ปวีณ เปิดเผยว่า ผู้กระทำผิดที่ต้องถูกดำเนินคดีคือ นายกเทศมนตรีของ 2 ท้องถิ่นคือเทศบาลตำบลกะรน และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตให้กลุ่มประชาชนเข้ายึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าวทั้งที่ไม่มีอำนาจกระทำได้ เพราะเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ผู้ที่ได้ใช้ประโยชน์คือ คนกลุ่มเดียวไม่ได้มีการหมุนเวียนให้ประชาชนรายอื่นๆ เลย รวมถึงผู้ประกอบการที่เข้าไปยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ชายหาด หรือที่สาธารณะซึ่งทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายย้อนหลัง ถึงแม้ว่าจะมีการรื้อถอน ร่ม เตียง ชายหาด หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ไปแล้ว
และภายหลังที่มีการรื้อถอนร่ม เตียง รวมถึงสิ่งปลุกสร้างชายหาดแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ยังพยายามร่วมกลุ่มกันยื่นหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด รวมกลุ่มกันเสวนาเพื่อต้องการกลับเข้ามาทำกินในพื้นที่สาธารณะเช่นเดิม ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อป้องกันการกลับมายึดครองพื้นที่สาธารณะอีก ซึ่งบ่ายวันนี้ (25 ก.ย.) พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จะได้ร่วมสอบสวน และเรียกผู้ประกอบการที่กระทำผิดชุดแรกซึ่งเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ ต.กะรน จำนวน 15 ราย รับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินคดี ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยเรียกผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีจนครบทั้ง 177 คน รวมไปถึงผู้บริหารท้องถิ่นกะรน และอดีตผู้บริหารท้องถิ่น ต.ป่าตอง ด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ปวีณ ยังเปิดเผยต่ออีกว่า เมื่อปี 2552 ศาลปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พิพากษาแล้วว่า ท้องถิ่นไม่มีอำนาจในการอนุญาตให้กลุ่มคนกลุ่มใดเข้าไปยึดพื้นที่สาธารณะเพื่อประกอบกิจการส่วนตัว แต่ก็ยังมีการทำกันอยู่จนถึงปัจจุบัน ทำให้รัฐ และประชาชนทั่วไปสูญเสียผลประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมากลุ่ม คนกลุ่มนี้สามารถทำรายได้เกินกว่าพันล้านบาท และไม่รู้ว่าเงินเหล่านี้ตกไปอยู่กับใครมากที่สุด นอกจากนี้ ในส่วนของพื้นที่อื่นๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนถึงกระบวนการยึดครองพื้นที่ชายหาด ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเร่งสืบสวนหาหลักฐานดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.ปวีณ ยังได้กล่าวต่อไปถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่ป้ายดำที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีการจับกุมดำเนินคดีไป 2 รอบ โดยรอบแรกนั้น มีการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 113 คดี ผู้ต้องหา 116 คน ในการจับกุมครั้งนั้นสามารถจับกุมได้ 100% สอบสวนเสร็จแล้ว 100% ส่งอัยการดำเนินคดีได้แล้ว 100% ซึ่งขณะนี้ศาลได้ตัดสินมาแล้ว 1 คดี ผู้ต้องหา 16 คน เป็นคดีในพื้นที่เชิงทะเล มีโทษปรับ 6,000 บาท ส่วนโทษจำนั้นให้รอลงอาญา 2 ปี โดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ อันเป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ผู้เสียหาย แก่บุคคล และประชาชน ส่วนการจับกุมครั้งที่ 2 นั้น มีการกวาดล้างจับกุมแท็กซี่ป้ายดำ อั้งยี่ และปิดถนน ขณะนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 81 คน จากจำนวนทั้งหมด 82 คน โดยมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ 1 คน ขณะนี้การทำสำนวนต่างๆ มีความคืบหน้าไปมากแล้วแต่ยังไม่เสร็จ 100%