ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจ สน.บึงกุ่ม คุมตัว “ปราบ กี่สิ้น” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีที่ สภ.เมืองภูเก็ตแล้ว พล.ต.ต.ปวีณ ส่งนอนคุกรอสอบปากคำ ยังไม่ให้ประกันตัวจนกว่าจะสอบปากคำเสร็จ ด้านทนายความขอความเป็นธรรม เชื่อเป็นคดีที่สามารถขอประกันตัวได้ แต่ไม่เข้าใจทำไมตำรวจถึงไม่ให้ประกัน ทั้งๆ ที่ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง
จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (1 ก.ย.) นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น หรือนายปราบ ซึ่งเป็นบุตรชายของนายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน ฐาน “เป็นอั้งยี่” โดยเป็นหัวหน้าผู้จัดการ หรือผู้มีมีตำแหน่งหน้าที่ในสมาชิกคณะบุคคลนั้น และร่วมกันประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้เข้ามอบตัวต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บุงกุ่ม เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บึงกุม ได้ควบคุมตัว นายปรีชาวุฒิ หรือ ปราบ เดินทางจากกรุงเทพฯ มายังสถานีตำรวจภูธรกะทู้ และคุมตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวน ซึ่งตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ที่ชั้น 4 สภ.เมืองภูเก็ต โดยมี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมาน ชันณรงค์ รองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 และพนักงานสอบสวนเป็นผู้รับมอบตัว
สำหรับการเดินทางมาของ นายปรีชาวุฒิ หรือปราบ นั้น ได้เดินมาพร้อมกับทนายความ เดินทางมาโดยรถตู้สีขาว เมื่อมาถึงสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ก็มีมวลชนชาวป่าตองจำนวนหนึ่ง รอให้การต้อนรับ พร้อมส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจ ว่า สู้ๆๆๆ ซึ่งนายปรีชาวุฒิ เดินลงจากรถตู้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณชาวบ้านที่มาให้กับลังใจ และโบกมือทักทาย หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวขึ้นไปยังชั้น 4 ทันที
พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวว่า ในส่วนของ นายปรีชาวุฒิ ผู้ต้องหานั้นจะดำเนินการเหมือนกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ซึ่งจะต้องนำตัวเข้าห้องขังเพื่อรอสอบปากคำ เหมือนกับผู้ต้องหาอื่นๆ ที่เดินทางมามอบตัวในช่วงเช้าวันนี้ (1 ก.ย.) ซึ่งการสอบปากคำก็ต้องใช้เวลา เพราะพนักงานสอบสวนมีจำนวนน้อย อาจจะทำให้ผู้ต้องหาไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ซึ่งเอกสารที่ตรวจยึดมามีจำนวนมาก อาจจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนนาน ส่วนเรื่องของการประกันตัวก็อย่างที่บอก ผู้ต้องหามีสิทธิยื่นประกันตัว แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวนก็ต้องสอบสวนให้เสร็จก่อน และในส่วนของพนักงานสอบสวนไม่ได้รับการประสานว่าจะมีการเข้ามอบตัวแต่อย่างใด ทำให้ไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม หลังจากชี้แจงต่อทางผู้ต้องหาแล้ว พล.ต.ต.ปวีณ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว นายปรีชาวุฒิ เข้าห้องขังที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตทันที
ขณะที่ นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ทนายความของนายปรีชาวุฒิ กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมให้แก่ นายปรีชาวุฒิ และครอบครัว ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ทางตำรวจสามารถให้ประกันตัวได้ แต่ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่ให้ประกันตัวทั้งๆ ที่ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง ซึ่งคดี อั้งยี่ เป็นคดีที่ไม่ใช้กันในประเทศไทยมานานแล้ว คดีนี้มีโทษจำคุก 17 ปี ส่วนกรณีที่บอกว่าผู้ต้องหาไม่ประสานมาทำให้พนักงานสอบสวนไม่ได้เตรียมตัว และการประกันตัวจะประกันได้ก็ต่อเมื่อสอบสวนเสร็จ คิดว่าเป็นการพูดเพื่อจะไม่ให้ประกันตัวมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ทางทนาย และนายประกันจะคุยกันเพื่อที่จะขอประกันตัวผู้ต้องหาโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องเอกสารที่ตรวจยึดมาจำนวนมากนั้นยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่ส่วนใหญ่เป็นเอกสารเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ ผู้ผู้ต้องหาทำธุรกิจหลายอย่าง เช่นเดียวกับผู้ต้องหาอื่นๆ ที่เข้ามอบตัวก่อนหน้านี้ ทุกคนมีความรู้มีหน้าที่การงาน เป็นพนักงานบริษัท แต่ไม่เข้าใจว่าถูกข้อหาดังกล่าวได้อย่างไร จึงอยากขอความเป็นธรรมต่อทุกคนด้วย