ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อธิบดีกรมป่าไม้ ลงภูเก็ตติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในเขตป่าฯ พร้อมเข้าฟังข้อมูลจากผู้เสียหายถูกนายทุนนำ ส.ค.1 ไปสวมสิทธิออกซ้ำในเขตป่าสงวน เขารวก-เขาเมือง ยืนยันไม่มีที่ดิน และไม่เคยขายที่ดินบริเวณดังกล่าว เตรียมแจ้งความเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (10 ก.ย.) ที่สวนป่าบางขนุน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ อธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบการบุกรุก ยึดถือ ครอบครองเอกสารสิทธิในเขตป่าสงวนเขารวก-เขาเมือง และพื้นที่ป่าไม้ในจังหวัดภูเก็ต โดยมี นาวาเอกกฤษฎา รัตนสุภา กอ.รมน.ภูเก็ต นาวาเอกพรพรหม สกุลเต็ม เสนาธิการกองเรือปฏิบัติการ กองทัพเรือภาคที่ 3 พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค/หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า/หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมรายงานความคืบหน้า
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ได้รายงานความคืบหน้าล่าสุดว่า ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้ลงพื้นที่ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านม าตรวจสอบใน 1 เรื่องคือ คดีการออกเอกสารสิทธิบนเทือกเข้านาคเกิด ในรายหาดฟรีดอมบีช ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวน พบว่า เป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ 2 หน่วยงาน เตรียมแจ้งความดำเนินคดีข้อหาละเว้นฯ แต่จะดำเนินคดีใครบ้างนั้นยังไม่สามารถเปิดเผย อีกกรณีคือ ที่ชุดพยัคฆ์ไพรร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ สีวรขาน จเรตำรวจ ซึ่งใช้ชื่อว่า ปฎิบัติการร่วมพรานพยัคฆ์ - พยัคฆ์ไพร ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในเขตป่าสงวนเขารวก-เขาเมือง ล่าสุด ได้ติดตามที่มาการเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ในรายของ นายกาว นาคนาม ซึ่งถูกระบุชื่อว่าเป็นเจ้าของ ส.ค.1 จำนวน 2 ฉบับ คือ ส.ค.1 เลขที่ 23 กับ 24 บริเวณหมู่ที่ 2 บ้านสาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินที่ดิน ส.ค.1 2 ฉบับที่ระบุชื่อ นายประสาท หรือนายตี๋ นาคนาม บุตรชายของนายกาว นาคนาม ขายต่อให้แก่นายทุน แปลงละ 8 แสนบาท ก่อนนายทุนจะใช้ออกเอกสารสิทธิไปแล้ว 1 แปลง เนื้อที่เกือบ 100 ไร่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบเอกสารทั้งหมดพบเป็นการสร้างเอกสารเท็จ
โดยในวันนี้ (10 ก.ย.) นางจรรยา นาคนาม และนายประสิทธิ์ นาคนาม ภรรยาและบุตรชายของนายประสาท นาคนาม ได้ออกมายืนยันว่า ครอบครัวไม่มี ส.ค.1 เลขที่ 23 และ 24 ซึ่งอยู่ติดทะเล มีเพียง ส.ค.1.เลขที่ 173 เนื้อที่ 18 ไร่ ซึ่งปัจจุบันครอบครัวใช้ทำกินอยู่ ซึ่งไม่มีอาณาเขตติดทะเลแต่อย่างใด และนอกจากนี้ ทางครอบครัวไม่เคยติดต่อขายที่ดินให้แก่ใคร
นายประสิทธิ์ นาคนาม บุตรชายนายประสาท หรือตี๋ นาคนาม กล่าวว่า ต้นเหตุทั้งหมดน่าจะมาจากกรณีที่บิดา (นายประสาท หรือนายตี๋) ได้เคยให้เพื่อนสนิทยืม ส.ค.1 ไปก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต ขณะนั้นไม่สามารถติดตามทวงถามได้ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาจับกุม นายประสาท (บิดา)ไม่สามารถนำเอกสาร ส.ค.1 มาแสดงได้จึงถูกดำเนินคดี ขณะนั้นตนได้พยายามทวงถามเพื่อนสนิทของบิดาหลายครั้ง จนบุคคลดังกล่าวยอมให้เอกสาร ส.ค.1 กลับมา แต่เมื่อตรวจสอบดูก็พบว่า เป็นฉบับใหม่มีรายละเอียดเลข ส.ค.1 เหมือนเดิม แต่อาณาเขตมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ครอบครัวเสียเสียสิทธิ นายประสาท บิดาจึงเกิดความเครียด ล้มป่วย และตรอมใจจนเสียชีวิตในที่สุด ตน และมารดาพยายามสอบถาม และร้องไปยังหลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ หรือความช่วยเหลือ กระทั่งได้พูดคุยกับคณะทำงานกรมป่าไม้ฯ จึงทราบว่า มีการใช้ชื่อของปู่ (นายกาว นาคนาม) ไปสร้างเอกสารส.ค.1 ที่ไม่ทราบที่มา ก่อนจะนำมาออกเอกสารสิทธิดังกล่าว
ทั้งนี้ ชีวะภาพ ชีวะธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีดังกล่าวจะให้ผู้เสียหายแจ้งความบันทึกประจำวันไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ ขณะที่คณะทำงานจะต้องตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดเกี่ยวข้องบ้าง ก่อนจะแจ้งความดำเนินคดี ขณะเดียวกัน จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ส.ค.1. เลขที่ 173 จำนวน 18 ไร่ ที่เป็นของผู้เสียหายนั้นถูกนำไปออกที่จุดใด เพื่อติดตามทวงคืนกลับให้เจ้าของที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการฟังรายงานความคืบหน้า อธิบดีกรมป่าไม้ พ้อมเจ้าหน้าที่ และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดที่มีการนำ ส.ค.1 ทั้ง 2 ฉบับไปออกเอกสารสิทธิ บริเวณข้างโรงแรมเพนนินซูล่า หมู่ที่ 2 ต.สาคู เพื่อดูสภาพความเป็นจริง ซึ่งปัจจุบันบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ติดทะเล ยังเป็นป่าธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์