บุรีรัมย์ - ผู้นำ พร้อมชาวบ้านสภาองค์กรชุมชน ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ บุกยื่นหนังสือถึงนายก อบต.ให้เร่งรัดหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งทวงคืนผืนป่าโคกโจด ป่าชุมชนผืนสุดท้าย หลังถูกนายทุนและชาวบ้านบุกรุกจนแทบไม่เหลือพื้นที่ป่า
วันนี้ (15 ธ.ค.) ผู้นำชุมชนและตัวแทนชาวบ้าน 18 หมู่บ้านในเขตตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบลร่อนทอง ได้ร่วมกันเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนผ่านนายสมจิต พรมศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลร่อนทอง
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นสื่อกลางถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งดำเนินการทวงคืนผืนป่าโคกโจด ซึ่งเป็นป่าชุมชนผืนสุดท้ายของตำบล และอำเภอสตึก ให้กลับมาเป็นของชุมชน พร้อมฟื้นฟูให้มีสภาพอุดมสมบูรณ์เช่นในอดีต
ก่อนหน้านี้สมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบลร่อนทองได้ร่วมกันเข้าสำรวจผืนป่าดังกล่าว ก็พบว่าถูกบุกรุกทั้งจากกลุ่มนายทุนในและนอกพื้นที่ และยังมีชาวบ้านบางส่วนบุกรุกแผ้วถาง รวมทั้งตัดต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อเข้าทำประโยชน์ส่วนตัว เช่น ปลูกยางพาราและมันสำปะหลัง และยังพบว่ามีการลักลอบติดประกาศขายที่ดิน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ชุมชนร่วมกันดูแลและอนุรักษ์ไว้
นายสมศรี ทองหล่อ ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลร่อนทอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาสภาองค์กรชุมชนฯ และชาวบ้านได้ร่วมกันต่อสู้เพื่อปกป้องผืนป่าดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดำเนินการผลักดัน ขับไล่ และเอาผิดกลุ่มผู้บุกรุกอย่างจริงจัง
ที่ผ่านมาก็ได้รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอำเภอ ป่าไม้ และทหาร แต่ก็ยังมีนายทุนและชาวบ้านเข้าไปบุกรุกอย่างต่อเนื่องจนไม่หลงเหลือสภาพป่าที่สมบูรณ์
ทั้งนี้ ชาวบ้านจะได้ร่วมกันเดินหน้าต่อสู้ร้องเรียนเพื่อปกป้องผืนป่าดังกล่าวต่อไป เพราะปัจจุบันเหลือพื้นที่ป่าโคกโจดเพียงประมาณ 3,000 ไร่ จากเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 10,000 ไร่ ซึ่งหากหน่วยงานภาครัฐยังไม่เร่งเข้ามาดำเนินการทวงคืนผืนป่าและผลักดันขับไล่กลุ่มผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ เชื่อว่าไม่นานป่าก็จะถูกบุกรุกครอบครองจนไม่หลงเหลือป่าชุมชนอีกต่อไป
ขณะที่นายสมจิต พรมศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลร่อนทอง กล่าวว่า จะได้นำหนังสือเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งป่าไม้ ผู้ว่าราชการจังหวัด และมณฑลทหารบกที่ 26 เพื่อให้เข้ามาดำเนินการทวงคืนผืนป่าตามที่ชาวบ้านร้องเรียน แต่หากไม่เป็นผลก็จะได้หาแนวทางถวายฎีกาเพื่อปกป้องผืนป่าโคกโจดต่อไป