เครือข่ายชาวสวนยางสุราษฎร์ฯ เรียกร้องนายกฯ คนใหม่แก้ราคาตกต่ำ

สุราษฎร์ธานี - หลายเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เคลื่อนไหวยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ไขปัญหาราคายางราพาตกต่ำ หากไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้องเตรียมเคลื่อนไหวกดดันต่อไป

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (26 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพิษณุ อัคนี ประธานเครือข่ายชาวสวนยางจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมตัวแทนเกษตรการชาวสวนยางในพื้นที่ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งต่อไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยางที่ราคาผลผลิตยางพาราตกต่ำกว่าต้นทุนการผลิต โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการ ในระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย

ผู้นำสถาบันเกษตรกร 5 องค์กรได้ยื่นให้ระงับการขายยาง 2.1 แสนตันในสต๊อกเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2557 และศาลปกครองได้รับฟ้องไว้แล้วมีคำสั่งให้ระงับการขายยางนั้นตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.2557 จนทุกวันนี้ยังไม่มีคำสั่งเพิกถอน พร้อมเสนอให้แก้ไขปัญหาสต๊อกยาง 2.1 แสนตัน โดยกำหนดวิธีบริหารจัดการตามนโยบายที่จะใช้เองภายในประเทศโดยเร่งด่วนตามนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ว่าจะมีคำสั่งให้ทุกภาคนำยางมาแปรรูปเพื่อใช้เองในประเทศ เช่น นำยางพารามาผสมยางมะตอยทำถนนลาดยาง โดยมอบหมายให้กรมทางหลวงชนบท ทางหลวงแผ่นดิน เป็นผู้ดำเนินการ ทำสนามเด็กเล่น ทำสนามฟุตซอล ทำตัวหนอนชะลอความเร็ว และอื่นๆ หรือสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกร หรือองค์กรท้องถิ่นนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ยางภายในประเทศเพิ่มขึ้น และช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่ง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันยิ่งทำให้ราคายางตกต่ำมาก เป็นการซ้ำเติม และไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกรอย่างยิ่ง

รัฐควรมีการตรวจสอบปริมาณยางในสต๊อกของโครงการเสถียรภาพยาง และเป็นเอกภาพ เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และต้นทุนการผลิตที่ 64.50 บาท จึงของให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือปัจจัยการผลิต 2,520 บาทต่อไร่ ไม่เกินรายละ 25 ไร่ อีกหนึ่งฤดูกาล

ระยะกลาง ให้ภาครัฐปฎิรูปโครงสร้างตลาดกลางยางพาราของประเทศไทยให้มีเสถียรภาพ และเป็นเอกภาพ ขอให้รัฐหาแนวทางในการแก้ปัญหาราคายาง ให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพอยู่ได้ ให้เกษตรกรชาวสวนยางมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทย ให้ภาครัฐพิจารณาอนุมัติโครงการ 5,000 ล้าน เพื่อส่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรที่มีความพร้อมโดยเร่งด่วน

ในขณะเดียวกัน นายวุฒิ รักทอง อายุ 56 ปี ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางสุราษฎร์ธานี พร้อมตัวแทนเกษตรการชาวสวนยางในพื้นที่ จำนวน 20 คน ได้เข้ายื่นหนังสือผ่านนายพิชิต ตู้บรรเทิง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยางที่ราคาผลผลิตตกต่ำกว่าต้นทุน

โดยระบุข้อเรียกร้องจำนวน 16 ข้อ ประกอบด้วย 1.ประกาศมาตรการลดวันกรีดเพื่อลดกำลังผลิตลงให้ได้อย่างน้อย 500,000 ตันต่อปี 2.เร่งสร้างโรงงานแปรรูปยางพร้อมสร้างระบบตลาดส่งออกของสถาบันเกษตรกรควบคู่กันไป 3.ตั้งวอร์รูมเรื่องยางเพื่อคอยให้ข่าวเชิงบวก และตอบโต้ข่าวเชิงลบ 4.เร่งโค่นต้นยางเก่าเพื่อลดปริมาณยาง 5.ออกมาตรการเพิ่มการใช้ยางภายในประเทศ โดยนำไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

6.ขอความร่วมมือบริษัทส่งออกให้ดำเนินการหามาตรการกดดันผู้ซื้อยาง 7.กำหนดมาตรการแรงจูงใจด้านภาษี หรืออื่นๆ ให้ผู้ประกอบการในไทยใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น 8.ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการไทยเปลี่ยน หรือเพิ่มเครื่องจักร 9.รณรงค์ส่งเสริมสินค้าของคนไทยที่ใช้ยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ 10.เพิ่มเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำในการทำธุรกิจให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการในไทยเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก

11.ให้บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมยางและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดแก่บุคคลที่เจตนาทำผิด เช่น หลบภาษีเซส ปกปิดแหล่งกำเนิดสินค้า 12.ฟื้นฟูสถาบันเกษตรกรให้แข็งแกร่งตามระบบ จากเดิมถูกนักการเมืองแบ่งแยก 13.สร้างช่องทางสื่อสารเพื่อส่งสัญญาณให้ชาวสวนยางทั้งประเทศรับรู้ความเคลื่อนไหวของราคายาง และแนวทางแก้ไขโดยพร้อมเพรียงกัน 14.รัฐควรมีการตรวจสอบปริมาณในสต๊อกของโครงการเสถียรภาพราคายางของรัฐบาล 15.ให้ภาครัฐปฎิรูปโครงสร้างตลาดกลางยางราของประเทศไทย ให้เป็นเอกภาพ และ 16.ขอให้รัฐหาแนวทางในการแก้ปัญหาราคายางให้เกษตรสามารถดำรงชีพได้

หากทางภาครัฐไม่เร่งดำเนินการจะมีการรวมตัวเคลื่อนไหวของเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อกดดันต่อไป