ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี สั่งเอาผิดผู้บุกรุกที่หลวงทุ่งเบื้องแบบอย่างเฉียบขาด

สุราษฎร์ธานี - เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบพื้นที่ป่าสาธารณประโยชน์บ้านทุ่งเบื้องแบบ หลังถูกนายทุนอิทธิพลบุกรุกเข้าครอบครองเกือบ 300 ไร่ ในเบื้องต้นพบการครอบครองพื้นที่ไม่ถูกต้อง และสงสัยเอกสาร ส.ค.1 อาจไม่ถูกต้องเช่นกัน ในขณะที่ผู้นำชุมชนเรียกร้องให้ทางจังหวัดตรวจสอบเอกสาร ส.ค.1 เป็นของปลอมหรือไม่ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งยึดพื้นที่คืนพร้อมดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกถึงที่สุด

จากกรณีที่ชาวบ้านพร้อมผู้นำชุมชนในพื้นที่ตำบลบ้านทำเนียบ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ได้ร้องเรียนไปยัง คสช. และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลบุกรุกเข้าครอบครองพื้นที่สาธารณะ (นสล.) ทุ่งเบื้องแบบ เกือบ 300 ไร่ ม.1 ต.บ้านทำเนียบโดยไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายวิภาวดีรังสิต พร้อมกำลังฝ่ายปกครองกว่า 30 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวพร้อมยึดรถแบ็กโฮ จำนวน 2 คัน ขณะกำลังปรับพื้นที่โค่นล้มป่า และควบคุมผู้กระทำความผิดจำนวน 5 คน มาสอบสวน เมื่อวานนี้ (11 ส.ค.)

ล่าสุด วันนี้ (12 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอภิสิทธิ ศรีปาน ที่ออกมาแสดงตนว่า ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว พร้อมนำเอกสารเป็น ส.ค 1.ที่ระบุออกเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2498 เนื้อที่ 30 ไร่ แต่ได้ยืนยันว่าตนครอบครองพื้นที่ทั้งหมดจริงเป็นจำนวน 270 ไร่ โดยได้ดำเนินการปักเสารั้วคอนกรีตพร้อมล้อมรั้วลวดหนามครอบครองพื้นที่ดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงนำตัว นายอภิสิทธิ เข้าชี้จุดแนวเขตพื้นที่พร้อมยิงพิกัดดาวเทียมเพื่อเป็นหลักฐานการครอบครองที่ดิน นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบว่า ในพื้นที่ที่มีล้อมรั้วลวดหนามเป็นพื้นที่ป่าที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ แต่มีการนำต้นปาล์มน้ำมันลงไปปลูกแซมในพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว นายอภิสิทธิ ศรีปาน มาดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกครอบครองพื้นที่สาธารณประโยชน์ และดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ตามารตรา 54 นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ด้านนายอ๊อด ทิพย์นัย กำนันตำบลบ้านทำเนียบ เปิดเผยว่า ทางกรมที่ดินได้ประกาศพื้นที่ทุ่งเบื้องแบบ จำนวน 1,192 ไร่ เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ (นสล.) ที่พลเมืองใช้ร่วมกัน ต่อมา ทางสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทำเนียบ ได้ขอกันพื้นที่ จำนวน 500 ไร่ ใช้ประโยชน์ทางราชการ ส่วนที่เหลืออยู่มีประชาชน และกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ได้บุกรุกเข้าครอบครองเป็นจำนวนเกือบ 300 ไร่ พร้อมกั้นแนวรั้วฮุบเอาบ่อน้ำสาธาณประโยชน์ ที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ขุดให้ชาวบ้านใช้ร่วมกันเป็นของตนเองอีกด้วย จนชาวบ้านพร้อมผู้นำชุมชนทนไม่ไหวได้รวมตัวกันร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่เรื่องไม่คืบหน้า

ล่าสุด ชาวบ้านพร้อมผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้รวมตัวกันอีกครั้งเข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะ คสช. จนมีการเข้าตรวจสอบดังกล่าว ในขณะที่ชาวบ้านทราบข่าวได้เข้ามาให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมากอีกด้วย

กำนันตำบลบ้านทำเนียบ ยังยืนยันว่า เอกสาร ส.ค.1 น่าจะเป็นเอกสารเท็จ เนื่องจากพื้นที่เป็นป่าชุมชนที่ประชาชนในหมู่บ้านรวมตัวกันพื้นที่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว จึงไม่น่าจะมีการออก ส.ค.1 ออกมาได้ จึงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเอกสารดังกล่าวว่า ได้มาชอบหรือไม่

ด้านนายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ส.ค.1 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงได้ และได้มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ให้หมดเพื่อนำพื้นที่กลับมาให้ประชาชนใช้ร่วมกันต่อไป และให้ดำเนินคดีถึงที่สุดต่อกลุ่มผู้บุกรุก