กระบี่ - ผู้ว่าฯ กระบี่ พร้อมลุยแก้ปัญหารุกป่า ส่วนพื้นที่ป่าหมดสัมปทานขอรอความชัดเจน และแนวทางการปฏิบัติก่อน ระบุไม่มีอำนาจจัดการ
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 64/2557 ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปราม และจับกุมผู้บุกรุกยึดถือ ครอบครอง ทำลายทรัพยากรป่าไม้ สภาพป่า รวมทั้งผู้สมคบและสนับสนุนช่วยเหลือ ให้ได้ผลอย่างจริงจังในทุกพื้นที่ และคำสั่งที่ 66/2557 ที่ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มีหน้าที่รับผิดชอบปัญหาการบุกรุกทำลายป่าเพิ่มเติม โดยได้กำหนดให้ดำเนินการพื้นที่ที่มีปัญหารุนแรงเป้าหมายเร่งด่วน 9 จังหวัด เห็นผลภายใน 6 เดือน และมีจังหวัดกระบี่ เป็น 1 ในจำนวนดังกล่าวด้วยว่า จังหวัดกระบี่ ได้ดำเนินการแก้ปัญหาการบุกรุกป่ามาโดยตลอด โดยมีการสนธิกำลังทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ป่าไม้ ทั้งการกวดขันจับกุมผู้กระทำผิด และการปลูกทดแทนผืนป่าที่ถูกบุกรุก
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาการบุกรุกป่าในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ในขณะนี้มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ ลักษณะที่ 1 การบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือป่าในเขตอุทยานฯ ที่ยังมีความสมบูรณ์เพื่อทำการปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมัน ซึ่งทางจังหวัดได้มีการกวดขันจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนลักษณะที่ 2 ก็คือ การบุกรุกพื้นที่ป่าสัมปทาน ซึ่งในปัจจุบันพบว่า พื้นที่ป่าที่ทางกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้เอกชนสัมปทานปลูกปาล์มน้ำมันกระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ ในพื้นที่ ทั้งอำเภอเมือง อำเภออ่าวลึก อำเภอปลายพระยา อำเภอเหนือคลอง และอำเภอเขาพนม บางแปลงหมดสัญญาสัมปทานแล้ว และอยู่ระหว่างการยื่นขอต่อสัมปทาน
โดยพื้นที่ที่หมดอายุสัมปทาน และกำลังอยู่ระหว่างขอต่ออนุญาตสัมปทานจากผู้สัมปทานรายเดิมนั้น พบว่า ได้มีกลุ่มชาวบ้านจากพื้นที่ต่างๆ ทั้งในจังหวัด และต่างพื้นที่ จำนวนมากเข้าไปยึดครอบครอง เพื่อเรียกร้องให้ทางกรมป่าไม้นำมาจัดสรรให้แก่คนที่ไม่มีที่ดินทำกิน ตามมติ ครม.2546 ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้เกิดขึ้นมานานแล้วจนถึงทุกวันนี้ และอยู่นอกเหนืออำนาจของจังหวัดกระบี่ ที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งก็ได้ทำหนังหนังสือถามไปยังกรมป่าไม้เจ้าของพื้นที่แล้วว่า จะให้ต่ออนุญาตสัมปทานให้ผู้สัมปทานรายเดิม หรือจะให้จังหวัดนำมาจัดสรรให้แก่คนยากจนที่ไม่ที่ดินทำกิน แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ และแนวทางการปฏิบัติ ทำให้มีปัญหามาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนี้ หากว่ามีคำสั่ง และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนจาก คสช. และกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ในการปราบปรามป้องกันการบุกรุกทำลายป่า โดยเฉพาะพื้นที่ป่าสัมปทานที่หมดสัญญา ก็จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการปฏิบัติ และพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาทันที และหากว่าจะให้ทำงานง่ายขึ้น ก็จะต้องมีการยกเลิกมติ ครม.ปี 46 เสียก่อน
