ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ขนส่งภูเก็ต เปิดโอกาสครั้งสุดท้ายให้แท็กซี่ป้ายดำที่เหลือกว่าพันคัน มาจดทะเบียนเป็นแท็กซี่มิเตอร์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น ประกาศลั่นกวาดล้างจับกุมเข้มงวด จับแล้วส่งฟ้องศาลเท่านั้นไม่มีการปรับโดยเด็ดขาด คาดยอมจดทะเบียนไม่เกิน 200 คัน ที่เหลือปิดประตูไม่ผ่อนปรนอีกแล้ว
นายธีระยุทธ์ ประเสริฐผล ขนส่งจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดภูเก็ต ได้จัดระเบียบรถรับจ้างสาธารณะโดยจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้โดยสารทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งทางจังหวัดได้เนินการมาเป็นเวลา 2 ปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2555-2557 มีรถแท็กซี่ป้ายดำมาจดทะเบียนเป็นรถป้ายเขียวถูกต้องตามกฎหมายไปทั้งสิ้น 1,444 คัน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1,000 คัน ไม่ยอมเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย และที่ผ่านมา ทางจังหวัดภูเก็ต ก็ได้ผ่อนปรนต่อรถดังกล่าวมาพอสมควรแล้ว และในขณะนี้ ทางจังหวัดก็มีนโยบายที่จะเปิดโอกาสให้รถแท็กซี่ป้ายดำดังกล่าวเข้าสู่ระบบอีกครั้งโดยการจดทะเบียนเป็นรถแท็กซี่มิเตอร์ โดยจะเปิดให้มาขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1-31 สิงหาคม 2557 นี้ ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต
ในขณะเดียวกัน ทางกรมขนส่งทางบก ขนส่งจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะออกแผนกวดขันจับกุมรถแท็กซี่ป้ายดำอย่างเข้มข้นตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 นี้ เป็นต้นไป ซึ่งการกวาดล้างจับกุมในครั้งนี้ จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด โดยได้เน้นย้ำต่อทางสถานีตำรวจทุกแห่งให้ใช้มาตรการเข้มงวดที่สุด คือ จะไม่มีการปรับแต่อย่างใด แต่จะส่งฟ้องศาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งโทษของการใช้รถผิดประเภทนั้นจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ 20,000-100,000 บาท ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ มีการผ่อนปรนมาโดยตลอด เมื่อจับกุมก็จะปรับในอัตราที่ต่ำเพียง 2,000 บาท เพื่อให้รถแท็กซี่ป้ายดำดังกล่าวเข้าสู่ระบบตามที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อมีการผ่อนปรนมานานแล้ว และรถแท็กซี่ดังกล่าวก็เพิกเฉยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ถึงเวลาที่จะต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดแล้ว
นายธีระยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเงื่อนไขของการขึ้นทะเบียนรถแท็กซี่ป้ายดำเป็นรถแท็กซี่มิเตอร์นั้น ได้กำหนดว่า รถที่จะนำมาจดทะเบียนต้องมีอายุรถนับจากวันที่จดทะเบียนครั้งแรกไม่เกิน 6 ปี ใช้ได้จนถึง 9 ปี ไม่ต่ำกว่า 1500 ซีซี หากติดสัญญาเช่าชื้อจะต้องได้รับความยินยอมให้จดทะเบียนเป็นรถสาธารณะจากสถาบันการเงินแล้ว ผ่อนผันสีตัวรถโดยให้คาดแถบสติกเกอร์เหลืองแดงบนสีรถเดิมได้เป็นเวลา 1 ปี และต้องติดเครื่องหมายศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ (1584) บริเวณประตูหลังทั้ง 2 ประตู รวมทั้งจดทะเบียนได้หนึ่งคนต่อหนึ่งคันเท่านั้น
ส่วนการขอจดทะเบียนรถรับจ้างป้ายเขียวนั้น จะดำเนินการจดทะเบียนให้เฉพาะกรณีที่มีใบอนุญาตทางด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น เช่น จากโรงแรม บริษัทนำเที่ยว ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อให้รถรับจ้างที่เป็นแท็กซี่มิเตอร์ให้มากที่สุด
สำหรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ในภูเก็ตนั้น จะใช้ราคาที่กำหนดขึ้นเมื่อปี 2555 ก่อน คือ เริ่มต้น 2 กิโลเมตรแรก 50 บาท 2-21 กิโลเมตรถัดไป กิโลเมตรละ 7 บาท และกิโลเมตรที่ 22 เป็นต้นไป กิโลเมตรละ 6 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้มีการประชุมกับคณะกรรมการในระดับจังหวัดภูเก็ต และได้มีการปรับปรุงราคาค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดคล้องต่อสภาพในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของราคาน้ำมั้น ค่าครองชีพและอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมไปยังกรมขนส่งทางบกแล้ว โดยอัตราค่าโดยสารใหม่ที่ขอแก้ไขนั้น กิโลเมตรที่ 1-2 เป็น 50 บาท กิโลเมตรที่ 3-5 กิโลเมตรละ 12 บาท กิโลเมตรที่ 16 เป็นต้นไป กิโลเมตรละ 10 บาท ซึ่งอัตราราคาดังกล่าวจะเป็นธรรมต่อผู้โดยสาร และผู้ประกอบการแท็กซี่มิเตอร์เองก็สามารถประกอบอาชีพอยู่ได้ด้วย
นายธีระยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การเปิดให้รถแท็กซี่ป้ายดำมาจดทะเบียนเป็นรถแท็กซี่มิเตอร์ในครั้งนี้ คาดว่าจะมีมาจดไม่น่าจะเกิน 200 คัน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 800 คัน ทางขนส่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องกวดขันจับกุมกันต่อไป และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทางจังหวัดภูเก็ต จะเปิดโอกาสให้แท็กซี่ป้ายดำเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตากฎหมาย