ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ยกทัพโรดโชว์เครื่องแต่งกายมุสลิมไทยชูคอนเซ็ปต์ “บุหงาสลาตัน” ตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการ 5 จังหวัดชายแดนใต้ สู่ตลาดสิงคโปร์ที่มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 1.5 หมื่นล้านต่อปี
สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งเป็นผู้รับบทบาทหลักในการพัฒนาต่อยอดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอ และเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเดินหน้าสานต่อโครงการในระยะที่ 2 โดยการนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Lawa@THTI ออกโรดโชว์ และจัดจำหน่ายเป็นที่แรกภายในงาน Thailand Trade Show 2014 เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าวีโว่ซิตี้ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งผลตอบรับยังคงอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจเหมือนเดิม
นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมภายใต้แบรนด์ Lawa@THTI เป็นความร่วมมือกันของทางสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และผู้ประกอบการใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส รวมกว่า 50 กิจการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม รวมทั้งการพัฒนาองค์ความรู้ทั้งด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต ตลอดจนแนวความคิดสร้างสรรค์ที่จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ซึ่งจะเป็นการขยายโอกาส และเพิ่มช่องทางการแข่งขันในตลาดอาเซียน และภูมิภาคได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับในปีนี้ ได้มีการจัดโรดโชว์ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต้นแบบภายใต้คอลเลกชัน “บุหงาสลาตัน” ที่มีการดึงเอาความงดงามจากดอกไม้ประจำถิ่น 5 ชนิด ทั้ง ต้อยติ่ง พลับพลึง หม้อข้าวหม้อแกงลิง ชงโค และอัญชัน ผ่านการออกแบบที่ประณีตเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายรวม 16 ชุด สุดเก๋ จนเป็นที่ชื่นชม และยอมรับจากบรรดาตัวแทนผู้ประการ และกลุ่มลูกค้าที่ชาวสิงคโปร์ที่สนใจเข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมียอดการออเดอร์สินค้าเข้ามาอีกจำนวนหนึ่งด้วย โดยความสำเร็จทั้งหมดเป็นผลมาจากการส่งเสริม และพัฒนาผู้ประกอบการใน 4 กิจกรรมหลักของสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ นั่นคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมสู่เชิงพาณิชย์ การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี การถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และการจัดทำฐานข้อมูล และติดตามประเมินผล
ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยอีกว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม-เมษายน) ยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยมีมูลค่ารวม 2,423.12 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 72,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดอาเซียนมีมูลค่าการส่งออกมากที่สุดถึง 511.89 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกมากที่สุด คือ ผ้าผืน ทั้งนี้ สำหรับตลาดสิงคโปร์ ประเทศไทยมียอดการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2557 อยู่ที่ 31.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 1,000 ล้านบาท โดยสินค้าหลักที่ส่งออก ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม และผ้าผืน ซึ่งในส่วนของเครื่องนุ่งห่มโดยเฉพาะเสื้อทีเชิ้ตมียอดการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.3
“ประชากรมุสลิมทั่วโลกมีจำนวน 2.08 พันล้านคน คิดเป็น 28.26 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรโลก ขณะที่มูลค่าภาพรวมของตลาดเครื่องนุ่งห่มและแต่งกายมุสลิมมีประมาณ 9.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 3 ล้านล้านบาท สำหรับในภูมิอาเซียนมีประชากรมุสลิมกว่า 264 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 43.22 ของจำนวนประชากรทั้งหมด โดยมีมูลค่าตลาดของเครื่องแต่งกายมุสลิมอยู่ที่ 15.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 450,000 ล้านบาท เฉพาะในประเทศสิงคโปร์ ที่มีประชากรมุสลิมอยู่จำนวน 0.84 ล้านคน แต่มีมูลค่าตลาดเครื่องแต่งกายมุสลิมสูงถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 15,000 ล้านบาท ต่างกับประเทศไทยที่มีประชากรมุสลิมมากกว่าถึง 6.62 ล้านคน แต่กลับมีมูลค่าตลาดของเครื่องแต่งกายมุสลิมเพียงแค่ 390 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 11,000 ล้านบาท ดังนั้น การเปิดตลาดผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมของไทยในตลาดสิงคโปร์ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการกระจายสินค้า และยกระดับมาตรฐานสิ่งทอของไทยสู่ตลาดสากลเริ่มจากอาเซียนสู่ระดับภูมิภาคเอเชียในอนาคต” นางสุทธินีย์ กล่าว