xs
xsm
sm
md
lg

บึ้มปัตตานีตาย 3 สุดเศร้าเด็ก 5 ขวบถูกตัดขา สั่งจับตาเหนือ-อีสาน-ใต้ หวั่นก่อเหตุช่วงการเมืองมาคุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เหตุบึ้มปัตตานีเจ็บ 73 ราย ตาย 3 ราย สาหัส 5 ราย สุดเศร้าเด็ก 5 ขวบต้องถูกตัดขา สธ. เผยจับตาพื้นที่เหนือ อีสาน หวั่นก่อเหตุวุ่นวายช่วงสถานการณ์การเมืองมาคุ ระบุภาคใต้เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงปกติ สั่งเข้มแผนความปลอดภัยสถานพยาบาลเช่นเดิม สั่งทุกโรงพยาบาลพร้อมใช้แผนรับมือผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
แฟ้มภาพผู้บาดเจ็บเหตุระเบิดปัตตานีเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ค.
วันนี้ (25 พ.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บทั้งหมด 73 ราย ส่วนใหญ่ถูกสะเก็ดระเบิด แพทย์ให้การรักษาและให้กลับบ้านแล้ว 51 ราย รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล 22 ราย แบ่งเป็น รพ.ปัตตานี 20 ราย ทำการผ่าตัด 5 ราย อาการหนัก ยังต้องอยู่ห้องไอ.ซี.ยู. ที่เหลือพักรักษาตัวในหอผู้ป่วยสามัญ ส่วนอีก 2 ราย ส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ยะลา เป็นเด็กอายุ 2 ขวบ รักษาอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู. มีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะหลายแห่ง มีเลือดออกในสมอง และมีบาดแผลที่ลำตัว แขนขา ประมาณ 10 แผล แพทย์ทำการผ่าตัดสมอง เอาสะเก็ดระเบิดออกแล้ว อาการล่าสุดยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่รู้สึกตัวดี แพทย์ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนอีก 1 ราย เป็นหญิงอายุ 29 ปี มีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดหลายแผลที่ขาทั้ง 2 ข้าง พักอยู่หอผู้ป่วยสามัญ ผู้บาดเจ็บทุกรายอาการปลอดภัย

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ได้กำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ และโรงพยาบาลทุกแห่ง จัดเตรียมความพร้อมในการจัดบริการทั้งห้องฉุกเฉิน คลังเลือด ห้องผ่าตัด ไอ.ซี.ยู. ให้เข้มงวดความปลอดภัยอาคารสถานที่ทุกแห่ง และความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในหน่วยแพทย์กู้ชีพ ซึ่งต้องเดินทางออกไปให้การดูแลผู้เจ็บป่วยในที่เกิดเหตุตลอด 24 ชั่วโมง โดยช่วงบ่ายตนได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บและญาติ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ และติดตามดูมาตรการความปลอดภัยอื่นๆ ด้วย

นพ.อนุรักษ์ อมรเพชรสถาพร ผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมาตรการเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยของสถานพยาบาลเช่นเดิม ตั้งแต่การเฝ้าระวัง โดยมีเครือข่ายบุคลากร อสม. ช่วยในการติดตามสถานการณ์ เพื่อประเมินว่าจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร มีภาวะคุกคามความปลอดภัยเจ้าหน้าที่และสถานพยาบาลหรือไม่ ถ้ามีจะเข้าสู่กระบวนการดูแลเรื่องความปลอดภัย เช่น การปิดเปิดอาคารสถานที่ การจัดเส้นทางเข้าออกเพื่อมีการตรวจตราได้ง่าย และการเข้มงวดกับผู้ที่เข้ามาติดต่อ การใช้ทั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณที่ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแล รวมทั้งการตรวจเช็กบัตรบุคลากร เพื่อป้องกันบุคคลต้องสงสัยเข้ามาก่อเหตุภายในสถานพยาบาล รวมทั้งการเพิ่มไฟฟ้า แสงสว่างรอบๆ อาคาร และให้จัดเจ้าหน้าที่เวรยามเพิ่มขึ้น

นพ.อนุรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในสถานการณ์เช่นนี้ จะประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคือ ทหารหรือตำรวจ เพื่อให้มั่นใจว่าสถานการณ์ปลอดภัยแล้ว จึงสั่งการให้ทีมหน่วยรถพยาบาลเคลื่อนไหวผู้บาดเจ็บ หากเหตุการณ์ยังไม่ยุติ เช่น ฝ่ายเก็บกู้ระเบิดอีโอดียังทำงานไม่เรียบร้อย ยังไม่ยืนยันความปลอดภัยก็จะไม่ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเด็ดขาด ส่วนภายในโรงพยาบาลก็จะประกาศใช้แผนการรับมือผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เช่น กรณีที่ปัตตานีมีผู้บาดเจ็บ 70 กว่าราย ก็ระดมบุคลากรทุกฝ่าย ห้อง คลังเลือด เจ้าหน้าที่รังสีเทคนิค เจ้าหน้าที่ห้องแล็บ เข้ามาปฏิบัติงานให้เมหาะสมกับจำนวนผู้บาดเจ็บที่ประเมินเอาไว้ รวมทั้งการดูแลเรื่องการจัดเตียงสำรองเพื่อรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ห้องผ่าตัดพร้อมที่จะเปิด ระดมทีมแพทย์เพื่อให้สามารถผ่าตัดพร้อมกันได้ 5 ราย และตรวจสอบความพร้อมของเลือด

"พื้นที่ที่ต้องจับตาแลเฝ้าระวังในสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้คือ ทางพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ และอีสาน ที่ปลัด สธ. ให้นโยบายไว้ คงต้องดูเพิ่มมาตรการเป็นพิเศษ แต่เหตุที่ภาคใต้อาจจะไม่เกี่ยวกับสถานกาณณ์การเมือง แต่เป็นความรุนแรงในภาคใต้ที่บังเอิญมาอยู่ช่วงจังหวะนี้พอดี ซึ่งทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็มีการเตรียมพร้อมตลอดอยู่แล้ว” ผอ.สธฉ. กล่าว

นพ.สุภาพ ไพศาลศิลป์ ผอ.รพ.ปัตตานี กล่าวว่า ขณะนี้ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจากเหตุระเบิดทยอยเดินทางกลับบ้านไปแล้ว เหลือพักรักษาตัวนอนอยู่โรงพยาบาล 20 คน โดยอาการหนักๆ มี 5 ราย ประกอบด้วย เด็กอายุ 5 ขวบ 1 ราย ถูกระเบิดจนเท้าแหลกละเอียด ทีมแพทย์จำเป็นต้องตัดขาในระดับที่ต่ำกว่าเข่าลงไป เป็นนางพยาบาล รพ.โคโพธิ์ 1 ราย ถูกสะเก็ดระเบิดที่หน้าท้อง ลำไส้ใหญ่ฉีกขาด แพทย์ทำการผ่าตัดห้ามเลือด และให้เลือดจนอาการดีขึ้นแล้ว ส่วนอีก 3 รายเป็นประชาชนทั่วไป โดยรายแรกถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ช่วงอก ทำให้ปอดฉีก ซึ่งขณะนี้ผ่าตัดเย็บซ่อมปอดเรียบร้อยแล้ว อีก 2 รายที่เหลือถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ช่องท้องเช่นกัน โดยทั้งหมดได้รับการผ่าตัดรักษาเรียบร้อยแล้ว ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู. ซึ่งช่วงนี้ทีมแพทย์ยังคงต้องเฝ้าดูเรื่องของการเสียเลือดที่อาจจะเกิดเพิ่มเติม สำหรับการรับมือสถานการณ์เหตุความรุนแรงยังคงไม่มีอะไรเพิ่มขึ้น ขณะนี้ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น