ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตะลึง! วันเดียวพบเต่าทะเลถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยตื้น 2 หาดในภูเก็ต พบเป็นเต่าหญ้า และเต่ากระ เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากเร่งให้การช่วยเหลือ หลังพบทั้ง 2 ตัวมีอาการอ่อนเพลีย ระบุช่วงมรสุมคลื่นลมแรงเต่าทะเลที่มีอาการป่วย หรือบาดเจ็บถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 14.15 น. วันนี้ (8 ก.ค.) ที่บริเวณบ่ออนุบาลกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จ.ภูเก็ต นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน (ภูเก็ต) พร้อมด้วยสัตวแพทย์หญิงพัชราภรณ์ แก้วโม่ง สัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน และเจ้าหน้าที่ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ร่วมกันรับเต่าทะเลขนาดใหญ่ จากเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมจังหวัดภูเก็ต ที่นำมาส่ง หลังจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยเหลือ และนำเต่าตัวดังกล่าวซึ่งถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื้นที่บริเวณหาดทรายแก้ว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อดูแล และทำการรักษา ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า เต่าตัวดังกล่าวมีลักษณะอ่อนเพลีย
สัตวแพทย์หญิงพัชราภรณ์ แก้วโม่ง สัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ กล่าวภายหลังมอบเต่าทะเลจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ว่า เต่าตัวดังกล่าวคือ เต่าหญ้า อายุประมาณ 15-20 ปี น้ำหนักประมาณ 23 กิโลกรัม เพศเมีย ขนาดกว้าง 65 เซนติเมตร ยาว 65 เซนติเมตร โดยสภาพร่างกายภายนอกพบว่า ขาหน้าทั้ง 2 ข้างขาด และมีบาดแผลเป็นทางยาวที่บริเวณหลัง และมีสภาพร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งหลังจากรับตัวเต่าทะเลมาแล้วทางเจ้าหน้าที่จะทำการรักษาเบื้องต้นโดยให้ยาบำรุง เนื่องจากเต่ามีอาการอ่อนเพลียมาก และให้ยาปฏิชีวนะ หลังจากนั้น จะเจาะเลือดเพื่อนำเลือดไปตรวจหาสาเหตุการติดเชื้อเรื้อรัง และทำอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจร่างกายภายในโดยใช้เทคนิคทางการแพทย์เข้ามาช่วย หลังจากนั้น จะทำการรักษาตามอาการป่วยที่ตรวจพบต่อไป
สัตวแพทย์หญิง กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม คลื่นลมแรง ซึ่งในช่วงนี้ทุกๆ ปี จะมีปัญหาเรื่องของเต่าทะเลถูกคลื่นซัดขึ้นมาบริเวณชายฝั่งเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 57 ถึงวันนี้ (8 ก.ค.) มีเต่าถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื้นในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา จำนวน 13 ตัว ส่วนใหญ่จะเป็นเต่าหญ้า และเต่ากระ ส่วนเต่าตนุ มีเพียง 1 ตัว โดยยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 8 ตัว ที่เหลือ 5 ตัวเป็นซากที่ตายแล้ว โดยในแต่ละปีจะมีเต่าที่ถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื้นกว่า 40-60 ตัว อย่างไรก็ตาม เต่าตัวดังกล่าวทางสถาบันฯจะไม่สามารถปล่อยกลับทะเลได้อีก เนื่องจากเต่าพิการไม่สามารถว่ายน้ำเองได้
ด้าน นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กล่าวถึงปัญหาที่ทำให้เต่าทะเลถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื้นในช่วงมรสุม ว่า นอกจากสาเหตุของเรื่องคลื่นลมแรงแล้ว สาเหตุหนึ่งที่พบบ่อยที่สุดคือ เรื่องขยะในทะเลที่มีชาวบ้านได้ทิ้งขยะลงไปในทะเล รวมไปถึงเศษอวนที่ชาวประมงตัดทิ้งลงในทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เต่าทะเลที่ถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื่นในช่วงนี้จะมีเศษอวนรัดตัวมาด้วยทุกครั้ง ซึ่งบางครั้งเต่าถูกเศษอวนรัดจนขาขาด ทำให้กลายเป็นเต่าพิการ และทางสถาบันจะต้องดูแลตลอดไป โดยไม่สามารถที่จะปล่อยกลับคืนสู่ทะเลได้อีกต่อไป
นายก้องเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากเต่าหญ้าดังกล่าวแล้ว ในวันนี้ (8 ก.ค.) ทางกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้พบเต่าขนาดเล็กมาเกยตื้นที่ชายหาดยะนุ้ย ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่ของกลุ่มฯ ได้ออกเดินทางไปรับเต่าตัวดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า เป็นเต่ากระ ขนาดเล็ก อายุประมาณ 1-2 ปี น้ำหนัก 4 กิโลกรัม ไม่สามารถระบุเพศได้ มีการอ่อนเพลีย น่าจะป่วย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ฉีดยาบำรุงให้ 1 เข็ม แล้วนำไปอนุบาลภายในบ่อเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของการป่วยต่อไป