กระบี่ - ภาคีเครือข่าย 10 องค์กรเอกชนกระบี่ ยื่นแถลงการณ์ถึง คสช.ผ่านผู้ว่าฯ คัดค้านไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ชี้กระทบการท่องเที่ยว และวิสัยทัศน์ “KRABI GOES GREEN”
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (20 มิ.ย.) องค์กรภาคเอกชนจังหวัดกระบี่ 10 องค์กร ประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดกระบี่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะลันตา สมาคมโรงแรมเกาะลันตา สโมสรโรตารี่เหลืองกระบี่ ชมรมมัคคุเทศก์จังหวัดกระบี่ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ สมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ นำโดย นายเปล่งยศ สกลกิติวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ ยื่นแถงการณ์ต่อนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ถึง คสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้มีการยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน ขนาด 800 เมกะวัตต์ ที่จะมีการก่อสร้างในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการทำประชาพิจารณ์
ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า จังหวัดกระบี่มีภาคการท่องเที่ยวที่ถือเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยปี 2556 ที่ผ่านมา มีรายได้จากภาคการท่องเที่ยว 48,270.57 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด ซึ่งภาครัฐ และภาคเอกชนได้ร่วมลงนาม “ปฏิญญา การพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สู่ความยั่งยืน”โดย ปฏิญญาข้อที่ 5 อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวที่เอื้อต่อการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงคุณภาพระดับนานาชาติทุกภาคส่วนต้องไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดมลพิษ และทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จังหวัดกระบี่ ถือได้ว่ามีจุดเด่นหลายด้านที่รองรับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจุดขายของจังหวัด ที่เน้นการรักษาธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ขอเพียงรักษาและทำนุบำรุงฟื้นฟูสิ่งที่มีอยู่ รวมทั้งไม่คิดหรือทำโครงการใดๆ ที่จะทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ก็จะยังสร้างรายได้ และคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในจังหวัดกระบี่ รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงได้สืบไป การดำเนินงานต่างๆ ในภาคเอกชนที่สะท้อนถึงการไปสู่ Krabi Goes Green ได้แก่ โรงงานสกัดน้ามันปาล์มดิบเป็น Zero Waste Industry การผลิตไฟฟ้าด้วย Bio Gas
โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันเหลือใช้จากการผลิตอาหาร โครงการปั่นจักรยานลดโลกร้อน เป็นต้น ทางภาคีภาคเอกชนของจังหวัดกระบี่ ขอประกาศว่า ภาคีฯ ไม่สนับสนุนการใช้แหล่งวัตถุดิบเพื่อนามาซึ่งพลังงาน ที่ก่อให้เกิดมลพิษหรือเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมใดๆอาทิ พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน เป็นต้น โดยภาคีฯ ขอสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของจังหวัดกระบี่อย่างยั่งยืน ซึ่งพลังงานทางเลือก ต้องเป็นพลังงานที่ได้จากวัตถุดิบในภาคเกษตรกรรม ได้แก่ ปาล์มน้ามัน เป็นต้น
พลังงานสะอาด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการผลิตไฟฟ้า เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานจากคลื่น หรือน้ำขึ้น-น้ำลง ทั้งนี้ ภาคีภาคเอกชนจังหวัดกระบี่ ขอเสนอให้ภาครัฐมีมาตรการเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง โดยดำเนินมาตรการต่างๆ ควบคู่กัน ภาคีภาคเอกชน ของจังหวัดกระบี่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคประชาชน และภาคเอกชน จะตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา และทิศทางของประเทศไทยในอนาคตอย่างจริงจัง โดยปราศจากทิฐิ และอคติใดๆ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติในระยะยาวอย่างยั่งยืน แทนที่จะพิจารณาเพียงต้นทุนทางเศรษฐกิจในระยะสั้น และละเลยต้นทุนอื่นในระยะยาว
นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทาง กฟผ.ไม่สามารถตอบตำถามชาวบ้านได้ว่า จะมีการสัมปทานถ่านหินกี่ปี ที่ไหน ใครได้รับประโยชน์ และมีผลกระทบอย่างไร ซึ่งไม่เคยให้ข้อมูลเลย หรือให้ข้อมูลก็เพียงบางส่วน ที่เป็นทางบวกต่อ กฟผ.เท่านั้น แต่ในด้านลบไม่เคยบอกกล่าว ทำให้ภาคีเครือข่าย 10 องค์กรลงมติกันว่า ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยเสนอพลังงานทางเลือกอื่นแทนในการผลิตกระไฟฟ้า โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม ถึงแม้ว่า กฟผ.จะบอกว่าต้นทุนแพง แต่เชื่อว่าคุ้มค่ากว่าขนถ่านหินมาจากประเทศแน่นอนในระยะยาว
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผวจ.กระบี่ กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องไว้ และส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป แต่อยากให้ทุกฝ่ายดูข้อมูลให้รอบด้านอาจจะเสียอย่างหนึ่งแต่ได้อีกอย่างหนึ่ง ส่วนการที่ กฟผ.จะได้สร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหินในจังหวัดกระบี่หรือไม่อยู่ที่ชาวจังหวัดกระบี่เป็นคนตัดสินใจเอง