นครศรีธรรมราช - ครอบครัว “นายสุรชัย เจษฎารมย์” นักโทษคดียาเสพติดซึ่งกระโดดตึกศาลทุ่งสงเสียชีวิต แห่ศพทั่วเมืองพร้อมกับเข้าพบแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อร้องขอความเป็นธรรม และจี้ตำรวจรื้อคดีขึ้นสอบสวนใหม่ เผยการจับกุมของเจ้าหน้าที่มีข้อสงสัย ก่อนตาย นายสุรชัย กล่าวกับครอบครัวว่าหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจะไม่ขอมีชีวิตต่อไป
วันนี้ (19 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่บริเวณถนนราชดำเนิน หน้าค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ญาติของ นายสุรชัย เจษฎารมย์ อายุ 35 ปี นักโทษในคดียาเสพติดที่ตัดสินใจกระโดดตึกศาลจังหวัดทุ่งสงฆ่าตัวตาย หลังจากถูกศาลตัดสินจำคุก 4 ปี ปรับอีก 4 แสนบาท เมื่อ 2 วันก่อน โดยได้นำศพของนายสุรชัย ออกแห่มาจากสถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลใน ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ไปตามถนนราชดำเนิน เพื่อไปเข้าร้องเรียนต่อ พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ที่บริเวณหน้าค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้มีการเตรียมเจ้าหน้าที่ และนายทหารระดับสูงรอรับอยู่แล้ว โดยมี พ.อ.ปองเชษฐ์ ทองช่วย รองหัวหน้าศูนย์ข้อมูลข่าวสาร และรับเรื่องร้องทุกข์ประชาชน เป็นตัวแทนแม่ทัพภาคที่ 4 รับมอบหนังสือ
ขณะที่ญาติได้นำแผ่นป้ายข้อความเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมทั้งจดหมายฉบับสุดท้ายของ นายสุรชัย ก่อนที่จะขึ้นศาลฟังคำพิพากษาซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายที่ยืนยันชัดเจนว่า ไม่ได้กระทำความผิดมาแสดง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ นายสุรชัย ที่ฆ่าตัวตาย ส่วนศพนายสุรชัย ได้ถูกบรรจุอยู่ในหีบบนรถกระบะที่บรรทุกมา ขณะที่ญาติระบุว่า เรียกร้องให้กองทัพภาคที่ 4 เข้าช่วยเหลือในการตรวจสอบเนื่องจากไม่มั่นใจในการทำหน้าที่ของตำรวจ
พ.อ.ปองเชษฐ์ ทองช่วย รองหัวหน้าศูนย์ข้อมูลข่าวสารและรับเรื่องร้องทุกข์ประชาชน ระบุว่าในส่วนของทหารนั้นจะรับเรื่องไว้ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาไปตามลำดับ และจะส่งตรงไปยัง บก.ร่วมเพื่อพิจารณาหาแนวทางในการตรวจสอบช่วยเหลือเพื่ออำนวยความเป็นธรรมให้แก่ผู้ร้อง
หลังจากนั้นขบวนแห่ศพได้เคลื่อนไปยังหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช โดยได้นำศพของนายสุรชัย ไปตั้งไว้หน้าทางขี้นกองบังคับการ โดย พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช มาเจรจาและรับเรื่อง
นางรัตนาพร เจษฎารมย์ พี่สาวของผู้เสียชีวิตระบุว่า ขอให้ตำรวจรื้อคดีการจับกุมนายสุรชัย เมื่อปี 2555 ซึ่งยืนยันว่าเป็นการยัดคดีให้แก่ นายสุรชัย เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีพยานยืนยันว่า ตำรวจได้ค้นตัวนายสุรชัย เรียบร้อยแล้วจึงปล่อยตัวไป ก่อนที่จะเรียกกลับมาบอกว่าพบยาบ้า และได้บอกต่อครอบครัวโดยตลอดว่า ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และครอบครัวต่างรู้ดีว่านายสุรชัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งเสพทั้งจำหน่าย ทั้งยังบอกว่าหากถูกตัดสินจำคุกจริงๆ นั้นจะขอตายซึ่งนายสุรชัย ได้ปลิดชีพตัวเองจริงๆ พร้อมกันนั้น ขอให้ตำรวจดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ที่จับกุมทั้งหมดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และดำเนินการทางวินัยไปพร้อมกัน ซึ่งหลังจากนี้จะนำศพของนายสุรชัย ไปตั้งหน้าที่ทำการ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำให้นายสุรชัย ต้องตาย
ขณะที่ พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า บก.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ควบคุม สภ.ทุ่งใหญ่ ท้องที่ที่เกิดเหตุ โดยในส่วนของการร้องของญาติผู้เสียชีวิตนั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งจะต้องรายงานผู้บังคับบัญชาพิจารณา โดยเฉพาะคดีที่ญาติผู้ตายระบุว่าเป็นการยัดข้อหาซึ่งจะต้องว่าไปตามกระบวนการ ส่วนจะย้ายตำรวจผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นมีขั้นตอนระเบียบที่ต้องทำตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
“สำหรับการเคลื่อนย้ายศพไปตั้งหน้า สภ.ทุ่งใหญ่ นั้นเป็นสิทธิการเคลื่อนไหวเรียกร้องที่ญาติของผู้ตายสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย อย่าไปสร้างความเดือดร้อนหรือความวุ่นวาย ส่วนการดำเนินการของผู้บังคับบัญชานั้นยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม” รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าว