หน.พรรคเพื่ออนาคต ผุดแถลงการณ์ฉบับสุดท้ายพรรค ยุติบทบาทการเมืองยุบพรรค เหตุ คสช.ยกเลิก รธน.50 ส่งผลให้พรรคการเมืองสิ้นสุด กกต.แจ้งทุกพรรคให้คืนเงินกองทุนแล้ว ยกเป็นเวลา คสช.แก้ปัญหาชาติ ปฏิรูป ขอทุกพรรคอย่าแสดงบทบาท ทบทวนตัวเองมีส่วนทำให้ ปชต.สะดุดหรือไม่ ถือเป็นบทเรียน
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายพูลเดช กรรณิการ์ หัวหน้าพรรคเพื่ออนาคต ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับสุดท้ายพรรคเพื่ออนาคตต่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เรื่องขอยุติบทบาททางการเมืองและขอสิ้นสภาพพรรคเป็นการถาวร สืบเนื่องจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 และได้ออกประกาศ คสช.ฉบับที่ 11 ให้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 สิ้นสุดลง ยกเว้นหมวด 2 ซึ่งผลจากประกาศฉบับนี้ทำให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองต้องสิ้นสุดไปด้วย ดังนั้นสถานภาพของพรรคการเมืองต่างๆ จึงถือว่าสิ้นสุดตามกฎหมาย แม้ว่า คสช.จะมิได้ออกประกาศหรือคำสั่งยุบพรรคการเมืองเหมือนการยึดอำนาจทุกครั้งในอดีต ล่าสุด กกต.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังพรรคการเมืองทุกพรรคให้คืนเงินจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง เพราะถือว่าพรรคการเมืองไม่มีสภาพเป็นพรรคอีกต่อไป นอกจากนี้ยังสั่งให้ทุกพรรคงดการประชุมสมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรคด้วย
นายพูลเดชกล่าวต่อว่า พรรคเพื่ออนาคตจึงขอออกแถลงการณ์ต่อประชาชนฉบับสุดท้าย 4 ข้อ ดังนี้ 1. พรรคเห็นว่าบรรยากาศในขณะนี้ไม่ใช่เวลาของพรรคการเมือง แต่เป็นเวลาของ คสช.ที่จะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ และทำการปฎิรูปการเมือง ปฎิรูปประเทศ ดังนั้นทุกพรรคจึงไม่ควรแสดงบทบาทหรือความเห็นใดๆ ในขณะนี้เพราะจะทำให้การทำงานของ คสช.ยุ่งยากขึ้น เนื่องจากแต่ละพรรคอาจแสดงความเห็นไปในทางที่เป็นประโยชน์แก่พรรคตน 2. การที่ระบอบประชาธิปไตยของไทยต้องสะดุดลงชั่วขณะ ขอให้ทุกพรรคการเมืองที่มีบทบาทในฐานะพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านได้ใช้เวลาในช่วงที่พรรคของตนสิ้นสภาพในขณะนี้ทำการทบทวนบทบาทของพรรคตนว่าได้มีส่วนทำให้ระบอบประชาธิปไตยสะดุดหยุดลงหรือไม่ และมีส่วนทำให้เกิดวิกฤติทางการเมืองและความขัดแย้งของคนในชาติมากน้อยแค่ไหน
นายพูลเดชกล่าวต่อว่า 3. พรรคขอให้พรรคการเมืองขนาดเล็กและพรรคเกิดใหม่ได้ใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นบทเรียนในการกำหนดจุดยืนและบทบาทของพรรค เพื่อให้พรรคได้เป็นความหวังของประชาชนไม่ใช่พรรคที่เป็นเครื่องมือของใคร 4. พรรคเสียดายที่ไม่สามารถดำเนินการทางการเมืองต่อไปได้ ทั้งที่เพิ่งจัดตั้งพรรคเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 56 โดยมีเจตนารมย์เป็นพรรคที่มีจุดยืนและบทบาททางการเมือง เพื่อประเทศและประชาชน ทั้งนี้พรรคเพื่ออนาคตจึงขอประกาศยุติบทบาททางการเมืองตั้งแต่บัดนี้ภายใต้ผลตามกฎหมายของประกาศ คสช.ฉบับที่ 11 และไม่ขอจัดตั้งใหม่หรือคืนสภาพความเป็นพรรคไม่ว่ากรณีใดๆ ในนามชื่อพรรคเพื่ออนาคตอีกต่อไป โดยตนและคณะผู้บริหารพรรคเพื่ออนาคต จะหาแนวทางการทำงานการเมืองในรูปแบบอื่นที่เห็นเหมาะสม เพื่อสานต่อเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรคต่อไป และหลังจากนี้ตนจะได้ไปยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อแจ้งถึงการยุติบทบาทของพรรคต่อไป