ตรัง - โรงงานแปรรูปอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ในจังหวัดตรัง เผยยอดส่งออกกระเตื้องขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ หลัง คสช.ยึดอำนาจรัฐบาล ผ่าทางตันวิกฤตการเมืองยืดเยื้อ ทำให้ลูกค้าต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น แต่ยังติดปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานภาคการผลิต วอน คสช.เร่งหาทางแก้ไข
วันนี้ (18 มิ.ย.) นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจแปรรูปอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง กล่าวว่า หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินด้วยการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล ทำให้บ้านเมืองเริ่มมีความสงบมากขึ้นนั้น ส่งผลให้ธุรกิจส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งกลับมามีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 ที่ผ่านมา ทางโรงงานต้องได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อทำให้มียอดสั่งซื้อลดลงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
แต่เมื่อมาถึงไตรมาสที่ 2 หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย จึงทำให้ลูกค้าในต่างประเทศมีความมั่นใจสั่งซื้อสินค้าจากทางโรงงานเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 จะมียอดส่งออกอาหารทะเลแปรรูปแช่แข็งเพิ่มขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มียอดการสั่งซื้ออาหารทะเลแช่แข็งรวมกันประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
“ส่วนการส่งออกไปยังประเทศแถบยุโรปนั้น ยอมรับว่ายังค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีการตั้งกำแพงการค้าที่สูง จึงทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายได้”
ประธานกรรมการบริหาร บริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเลฯ กล่าวและว่า ทางโรงงานมีผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งกว่า 100 ชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาบะ ปลาหมึกหั่นแช่แข็ง กุ้งแช่แข็ง และขนมครกญี่ปุ่น ซึ่งการมีสินค้าที่หลากหลายมีส่วนช่วยส่งเสริมด้านการตลาดให้ขยายตัวได้เป็นอย่างดี ยกเว้นเฉพาะกุ้งกุลาดำ และกุ้งขาว ที่ยอดการส่งออกยังคงลดลงในระยะนี้ เนื่องจากกุ้งเลี้ยงในประเทศไทยมีปัญหาเรื่องโรคระบาด
“สิ่งที่อยากจะขอให้ทาง คสช.ช่วยเหลือก็คือ เรื่องของแรงงาน เนื่องจากขณะนี้ทางโรงงานกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานในส่วนของการผลิตอยู่อีกเป็นจำนวนมาก” นายบุญชู กล่าว