00 หากนับจากวันที่ 22 พ.ค. เวลา 16.30 น. เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ (29 พ.ค.) ก็ล่วงเลยมากว่าสัปดาห์แล้ว หลังจาก ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำกำลังทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลที่เป็นตัวแทนของ ระบอบทักษิณ แล้วขับไล่ออกมา จะเรียกว่าเป็นการ "ผ่าทางตัน" ของบ้านเมือง ก็สรุปอย่างนั้นก็ได้ เพราะเมื่อประมวลจากคำพูด ได้เห็นการเคลื่อนไหวของอำนาจรัฐก่อนหน้านั้น รวมทั้งเครือข่ายได้เตรียมที่จะก่อเหตุรุนแรง จะมีการใช้อาวุธเข่นฆ่าคนไทยด้วยกัน ดังนั้นการเข้ามายึดอำนาจดังกล่าว ถือว่าเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ทุกจังหวะเวลา
00 ขณะเดียวกัน การกระทำการรัฐประหารยึดอำนาจครั้งนี้ที่สำเร็จลงได้ด้วยดี มีการต่อต้านน้อยมาก เพราะประชาชนส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน มีความคาดหวังจะนำพาบ้านเมืองไปสู่ "การปฏิรูปทุกภาคส่วน" หลังจากผิดหวังจากนักการเมือง ซึ่งพลังของประชาชนที่สนับสนุนนี่ต่างหากที่จะค้ำจุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำงานแก้ปัญหาไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งนาทีนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ต่างฝ่ายต่างรู้ดี ทั้งฝ่ายที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จและฝ่ายประชาชน ฝ่ายหนึ่งต้องทำตามที่สัญญาเอาไว้ให้สำเร็จ หากล้มเหลว หรือผิดคำสัญญา ตัวเขาก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งก็ได้ประกาศไปแล้วว่า "จะ รับผิดชอบเอง" ขณะที่ประชาชนก็ต้องให้โอกาสทำหน้าที่ แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ต้องจับตามองตลอดเวลา ดังนั้นยังต้องติดตามพิสูจน์กันต่อไปอีกพักหนึ่ง
00 การตั้งทีม "กุนซือ" ของ คสช. ขึ้นมา 10 คน นำโดยพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ดูแลด้านความมั่นคง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ด้านเศรษฐกิจ ณรงชัย อัครเศรณี ด้านเศรษฐกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ด้านต่างประเทศ วิษณุ เครืองาม ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เอารายชื่อแค่นี้ก่อน คนอื่นก็น่าสนใจ แต่เน้นเฉพาะที่คุ้นหน้าคุ้นตา และมีความหมายน่าติดตามก่อน ก็คงไม่ตั้งคำถาม ยังให้โอกาสพิสูจน์ เพราะอีกด้านหนึ่งถือว่า คนเหล่านี้ "มีพลัง" ในการขับเคลื่อน หากเทียบกับพวกทีมงานของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่คงเปรียบเทียบกันไม่ได้
00 หากพิจารณาจากภาวะเร่งด่วนเฉพาะหน้าทั้งของ บ้านเมือง และของ คสช. ก็ต้องบอกว่า "ความมั่นคง-และเศรษฐกิจ-ปากท้อง" มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน และแยกกันไม่ออก ด้านความมั่นคงก็ต้องมีคนไว้ใจได้ "ผูกพันกันมานาน" ขณะด้านเศรษฐกิจ ก็ต้องใช้มืออาชีพที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว เชื่อว่าทั้งสามคน "ปรีดิยาธร-ณรงค์ชัย-สมคิด" ทำงานประสานทั้งในและต่างประเทศ เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาให้ คสช.ที่ถึงอย่างไรก็คงไม่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่าคนพวกนี้ สำหรับ วิษณุ เครืองาม หากตัดเรื่องอื่นออกไป ก็ต้องบอกว่าในเรื่อง กม. และการประสานงานต้องยอมรับ
ว่า "ไม่ธรรมดา" และเชื่อว่างานด้าน"ปฏิรูป" จะต้องออกมาจากมันสมองคนๆ นี้ด้วย
00 จะเรียกว่า"เพื่อความเหมาะสม" หรือ ทลายเครือข่ายฝ่ายแม้ว หรืออะไรก็แล้วแต่ ยังมีมาต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อกลางดึกวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการโยกย้ายนายตำรวจตามมาอีกระลอกใหญ่ แม้ว่าคราวนี้จะเป็นระดับล่างลงมา มีระดับผู้บัญชาการภาค 3 เพียงรายเดียว นอกนั้นเป็นระดับผู้บังคับการจังหวัด ผู้การนครบาล แต่ที่น่าสนใจก็คือ ลงลึกไปถึงระดับผกก.ในหลายพื้นที่เช่นเดียวกัน เช่น อุดรฯ ขอนแก่น เชียงใหม่ พัทยา เป็นต้น ขณะเดียวกัน ก็ยังมีการโยกย้ายระดับผู้ว่าฯ ตามมาอีก 9 ตำแหน่ง น่าสนใจก็คือ การย้ายผู้ว่าฯเชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา แม้ว่าบางคนอาจแค่ ย้ายสลับจังหวัด แต่ก็ถือว่าเป็นการย้ายออกจากพื้นที่สีแดง ดังนั้นเชื่อว่า ยังต้องโดนแบบนี้อีกหลายระลอก !!
00 ขณะเดียวกัน การกระทำการรัฐประหารยึดอำนาจครั้งนี้ที่สำเร็จลงได้ด้วยดี มีการต่อต้านน้อยมาก เพราะประชาชนส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน มีความคาดหวังจะนำพาบ้านเมืองไปสู่ "การปฏิรูปทุกภาคส่วน" หลังจากผิดหวังจากนักการเมือง ซึ่งพลังของประชาชนที่สนับสนุนนี่ต่างหากที่จะค้ำจุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำงานแก้ปัญหาไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งนาทีนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ต่างฝ่ายต่างรู้ดี ทั้งฝ่ายที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จและฝ่ายประชาชน ฝ่ายหนึ่งต้องทำตามที่สัญญาเอาไว้ให้สำเร็จ หากล้มเหลว หรือผิดคำสัญญา ตัวเขาก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งก็ได้ประกาศไปแล้วว่า "จะ รับผิดชอบเอง" ขณะที่ประชาชนก็ต้องให้โอกาสทำหน้าที่ แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ต้องจับตามองตลอดเวลา ดังนั้นยังต้องติดตามพิสูจน์กันต่อไปอีกพักหนึ่ง
00 การตั้งทีม "กุนซือ" ของ คสช. ขึ้นมา 10 คน นำโดยพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ดูแลด้านความมั่นคง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ด้านเศรษฐกิจ ณรงชัย อัครเศรณี ด้านเศรษฐกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ด้านต่างประเทศ วิษณุ เครืองาม ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เอารายชื่อแค่นี้ก่อน คนอื่นก็น่าสนใจ แต่เน้นเฉพาะที่คุ้นหน้าคุ้นตา และมีความหมายน่าติดตามก่อน ก็คงไม่ตั้งคำถาม ยังให้โอกาสพิสูจน์ เพราะอีกด้านหนึ่งถือว่า คนเหล่านี้ "มีพลัง" ในการขับเคลื่อน หากเทียบกับพวกทีมงานของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่คงเปรียบเทียบกันไม่ได้
00 หากพิจารณาจากภาวะเร่งด่วนเฉพาะหน้าทั้งของ บ้านเมือง และของ คสช. ก็ต้องบอกว่า "ความมั่นคง-และเศรษฐกิจ-ปากท้อง" มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน และแยกกันไม่ออก ด้านความมั่นคงก็ต้องมีคนไว้ใจได้ "ผูกพันกันมานาน" ขณะด้านเศรษฐกิจ ก็ต้องใช้มืออาชีพที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว เชื่อว่าทั้งสามคน "ปรีดิยาธร-ณรงค์ชัย-สมคิด" ทำงานประสานทั้งในและต่างประเทศ เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาให้ คสช.ที่ถึงอย่างไรก็คงไม่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่าคนพวกนี้ สำหรับ วิษณุ เครืองาม หากตัดเรื่องอื่นออกไป ก็ต้องบอกว่าในเรื่อง กม. และการประสานงานต้องยอมรับ
ว่า "ไม่ธรรมดา" และเชื่อว่างานด้าน"ปฏิรูป" จะต้องออกมาจากมันสมองคนๆ นี้ด้วย
00 จะเรียกว่า"เพื่อความเหมาะสม" หรือ ทลายเครือข่ายฝ่ายแม้ว หรืออะไรก็แล้วแต่ ยังมีมาต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อกลางดึกวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการโยกย้ายนายตำรวจตามมาอีกระลอกใหญ่ แม้ว่าคราวนี้จะเป็นระดับล่างลงมา มีระดับผู้บัญชาการภาค 3 เพียงรายเดียว นอกนั้นเป็นระดับผู้บังคับการจังหวัด ผู้การนครบาล แต่ที่น่าสนใจก็คือ ลงลึกไปถึงระดับผกก.ในหลายพื้นที่เช่นเดียวกัน เช่น อุดรฯ ขอนแก่น เชียงใหม่ พัทยา เป็นต้น ขณะเดียวกัน ก็ยังมีการโยกย้ายระดับผู้ว่าฯ ตามมาอีก 9 ตำแหน่ง น่าสนใจก็คือ การย้ายผู้ว่าฯเชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา แม้ว่าบางคนอาจแค่ ย้ายสลับจังหวัด แต่ก็ถือว่าเป็นการย้ายออกจากพื้นที่สีแดง ดังนั้นเชื่อว่า ยังต้องโดนแบบนี้อีกหลายระลอก !!