ตรัง - เลขาธิการมูลนิธิอันดามัน ห่วงปัญหาคนบางกลุ่มที่มีความเชื่อแบบผิดๆ นำกระดูกพะยูนไปหาประโยชน์ทางการค้า ด้านศูนย์อนุรักษ์ฯ ส่งชิ้นเนื้อปริศนาตรวจสอบ หวั่นโยงขบวนการล่าของนายทุน
นายภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ เลขาธิการมูลนิธิอันดามัน กล่าวยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังคงพบเห็นคนบางกลุ่มพยายามที่จะนำซากพะยูนที่ตายแล้วไปแอบฝังไว้ เพื่อรอวันให้เนื้อเปื่อยแล้วขุดกระดูกขึ้นมาหาประโยชน์ทางการค้า เพื่อนำไปทำยาบำรุงกำลัง หรือนำไปทำเครื่องรางของขลัง ตามความเชื่อที่ผิดๆ แต่ยังไม่รุนแรงถึงขั้นตั้งเป็นขบวนการเพื่อไล่ล่าฆ่าพะยูนมาใช้โดยตรง ซึ่งจากกรณีล่าสุด ที่กลุ่มเยาวชนไปกระทำการเช่นนี้บนเกาะลิบงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการส่งซากชิ้นเนื้อสัตว์ทะเลไปทำการตรวจสอบ ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยจะเป็นหลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่งในการหาข้อเท็จจริง
“ปัญหาความเชื่อผิดๆ เรื่องของกระดูกของพะยูนนั้น ในส่วนของกลุ่มชาวบ้านตามชายฝั่ง หรือตามเกาะแก่งได้ลดลงไปมากแล้ว แต่ยังดำรงอยู่ในกลุ่มชาวเมือง ดังนั้น การอนุรักษ์พะยูนในอนาคตจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบไปยังคนกลุ่มนี้มากขึ้น และจะต้องเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมให้ได้ภายใน 1-2 ปีนี้ โดยการสร้างความร่วมมือกับชุมชน ทำพื้นที่คุ้มครองพะยูนโดยเฉพาะ และเพิ่มการลาดตระเวนป้องกันปราบปราม รวมทั้งรณรงค์เรื่องพะยูนให้กว้างไกลไปในระดับจังหวัดและระดับประเทศ ตลอดจนควบคุมเรื่องอาชีพ การท่องเที่ยว และแผนพัฒนาชายฝั่ง เช่น การสร้างท่าเรือ หรือการคมนาคมทางเรือ เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อพะยูน”
สำหรับแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูนที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะลิบง คือ บริเวณแหลมจูโหย และหาดหยงหลำ ซึ่งต้องดูแลกันเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นจุดที่พบลูกพะยูนขึ้นมาหากินหญ้าทะเลแล้วหลายครั้ง แถมบางครั้งยังพบการติดเครื่องมือประมงด้วย อย่างเช่นที่บริเวณอ่าวทุ่งจีน ซึ่งยังมีโป๊ะน้ำตื้นอยู่อีก 1 ตัว รวมทั้งอีกหลายจุดที่ยังคงพบเครื่องมือประมงที่เป็นอันตรายต่อพะยูน จึงเห็นควรทำข้อตกลงกับชาวบ้านเพื่อควบคุมให้เป็นพื้นที่พิเศษ ขณะเดียวกัน ยังเรียกร้องให้เพิ่มการลาดตระเวนตรวจตราพื้นที่ให้มากขึ้น เพราะเป็นวิธีการหนึ่งซึ่งจะทำให้การกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายลดลง และมีส่วนช่วยเหลือพะยูนในกรณีต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
นายประจวบ โมฆรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งที่ 6 จังหวัดตรัง กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทางศูนย์ฯ ได้รับซากชิ้นเนื้อสัตว์ทะเลในทางลับมาจำนวนหนึ่ง และผลการตรวจสอบพิสูจน์ที่ชัดเจนจากทางส่วนกลาง ก็สรุปได้ว่าเป็นเนื้อพะยูนจริงๆ จึงถือเป็นหลักฐานที่สำคัญสำหรับการสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดและอาจเกี่ยวโยงไปถึงขบวนการบางอย่าง โดยมีความเป็นไปได้ที่พะยูนตัวนี้อาจจะไปติดเข้ากับเครื่องมือประมง แล้วถูกทุบตีให้ตายก่อนชำแหละเนื้อไปขาย และนำซากไปฝังไว้เพื่อรอขุดกระดูกขึ้นมาขายในภายหลัง นับเป็นหนึ่งในปัญหาที่จะต้องเร่งดำเนินการป้องกัน และปราบปรามต่อไป