วันเวลาเดินหน้าทุกวินาที นำพาทั้งสิ่งดีและไม่ดีเข้ามาในชีวิต และเป็นธรรมดาของคนทั่วไป เมื่อเกิดสิ่งดีๆขึ้นในชีวิต ย่อมดีใจ และเป็นสุขใจ แต่เมื่อไหร่ที่เกิดเรื่องร้ายๆ หรือเรื่องไม่ดี ย่อมมีแต่ความทุกข์ กินก็ทุกข์ เดินก็ทุกข์ นั่งก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ เรียกว่า ทุกข์ในทุกอิริยาบถ
ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากเช่นนี้ อย่าปล่อยให้มันจมอยู่กับเรานาน เพราะชีวิตเราจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆตามวันเวลาที่ผ่านไป เพราะฉะนั้น เราจะต้องรีบผ่านวิกฤตการณ์แย่ๆ ไปสู่ความสุขให้เร็วที่สุด ด้วยวิธีง่ายๆตามนี้
1. เปิดใจรับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต
บางครั้งหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต อาจทำให้เราเป็นทุกข์ได้ในบางขณะ และไม่มีอะไรในชีวิตที่จะเจ็บปวดไปกว่า การจมปลักอยู่กับสิ่งที่เราไม่ต้องการ แต่เชื่อเถอะว่า..สิ่งนั้นก็เข้ามาเพียงชั่วคราว แล้วก็ผ่านเลยไป ไม่อยู่กับเราจนชั่วชีวิตหรอก
ชีวิตของคนเราเปรียบเหมือนเข็มนาฬิกา ที่ต้องเดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีถอยหลัง ได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ และประสบการณ์ใหม่ๆตลอดเส้นทาง เพียงแค่เปิดใจรับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆที่เข้ามา ก็จะทำให้เราเป็นสุขได้บ้าง
2. ตั้งเป้าหมายในชีวิตอย่างแน่วแน่
เพราะชีวิตเป็นของเรา เมื่อมุ่งหวังสิ่งใด ต้องลงมือทำ เลือกทางเดินที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ใช่เหมาะกับคนอื่นๆ และอย่ามัวเสียเวลาเดินผิดทาง ทุกๆเช้าขอให้ถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งสำคัญจริงๆในชีวิต แล้วใช้สติปัญญา ความกล้าหาญ และพละกำลัง ทุ่มเททำให้บรรลุผล
ท้ายที่สุด สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเราพูดอะไร แต่อยู่ที่เราให้เวลากับสิ่งใด หากเราต้องการทำสิ่งใดๆอย่างจริงจัง ก็จงพยายามหาหนทางทำให้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
3. ทำเรื่องที่สำคัญจริงๆ
หาให้เจอว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พยายามตัดเรื่องที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด เหลือไว้แต่เรื่องที่สำคัญจริงๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียสมอง และเสียใจ ในภายหลัง
เพราะคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น รู้จักวางเรื่องที่สำคัญน้อยกว่าไว้ข้างๆ แล้วมุ่งหน้าทำเรื่องที่สำคัญมากกว่าเป็นลำดับแรกๆ ดังนั้น เมื่อเราตระหนักดีว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ก็จะสามารถจัดอันดับเรื่องที่ต้องทำก่อนหลังได้อย่างสบายๆ
4. มีที่พักใจ ไร้กังวล
หากมีเรื่องที่ทำให้ต้องเก็บมาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บอกได้เลยว่า ชีวิตนี้หาความสุขไม่เจอแน่ เพราะความวิตกกังวลไม่ได้ทำให้ปัญหาหมดไปในวันพรุ่งนี้ หากแต่มันจะทำให้ความสุขสงบในวันนี้หมดไป เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรเก็บทุกเรื่องมาคิดมากจนเกินเหตุ
ข้อจำกัดใหญ่ที่สุด คือ สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาในใจ และสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้เราไม่มีความสุขคือ ความเชื่อผิดๆที่เราไม่ยอมปล่อยผ่านไป ดังนั้น ควรทำใจให้ปลอดโปร่ง หาวิธีพักใจด้วยการออกกำลังกาย หรือทำสมาธิ เพื่อขจัดความกลัวออกจากใจ
5. เชื่อมั่นที่จะเดินหน้า
แม้ว่าขณะนี้เราอาจจะยังไปไม่ถึงจุดหมายที่ต้องการ แต่เมื่อทบทวนดูให้ดี เราก็ไม่ได้อยู่ ณ จุดเดิมเช่นกัน ดังนั้น ขอให้มีความเชื่อมั่นที่จะเดินหน้าต่อไป แต่ขอให้โฟกัสเรื่องที่ถูกต้อง และพยายามทำเต็มความสามารถ
อย่าหวั่นเกรงที่จะต้องเดินหน้าตามลำพัง ขอให้สนุกไปกับมัน ที่สำคัญ.. อย่าปล่อยให้การเพิกเฉย หรือการปฏิเสธของคนอื่นๆ ทำให้เราเดินออกนอกเส้นทางที่ตั้งใจไว้
6. ยอมรับข้อผิดพลาด
การยอมรับข้อตำหนิ ข้อผิดพลาด คือการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เราได้บทเรียนที่ดี และสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างผิดพลาดน้อยที่สุด หรืออาจจะไม่ผิดพลาดเลย
โปรดระลึกไว้เสมอว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และความผิดพลาดไม่ได้ทำให้เจ็บปวดเท่ากับการปฏิเสธและกลบเกลื่อนความผิด ซึ่งจะย้อนมาทำร้ายเราอย่างแสนสาหัส
7. เลือกคบคนดี
ไม่ทุกคนหรอกที่จะรู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่เราทำให้แก่เขา ดังนั้น ต้องดูว่าคนไหนที่เราควรใส่ใจ และคนไหนที่เอาเปรียบเรา หากไปทุ่มเทเวลาให้กับความสัมพันธ์ที่ผิด จนละเลยความสัมพันธ์ที่ดี สุดท้าย เราเองน่ะแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียใจ
เราจึงต้องรู้จักรักตัวเอง ด้วยการคบหากับกลุ่มคนดี ซึ่งจะช่วยให้เราเติบโตได้ดีที่สุดในอย่างที่เราเป็น และคนดีจะช่วยให้เรารักทุกอย่างที่เป็นตัวเรา ในขณะที่คนเลวจะทำให้ชีวิตเราตกต่ำลงไปเรื่อยๆ
พระพุทธองค์ทรงสอนว่า การไม่คบคนพาลหรือคนชั่ว และการคบบัณฑิต เป็นมงคลแก่ชีวิต
8. เรียนรู้ด้วยตัวเอง
มหาตมะ คานธี มหาบุรุษของโลก กล่าวไว้ว่า “จงใช้ชีวิตเสมือนหนึ่งว่า คุณต้องตายในวันพรุ่งนี้ จงเรียนรู้เสมือนหนึ่งว่า คุณต้องมีชีวิตชั่วนิรันดร์”
หากจะเปรียบไปแล้ว ชีวิตก็คล้ายดั่งหนังสือเล่มหนึ่ง คนที่ใส่ใจเรียนรู้อยู่อย่างสม่ำเสมอ ชีวิตย่อมก้าวหน้า แต่หากอ่านเพียงไม่กี่หน้า ชีวิตจะก้าวหน้าได้อย่างไร
การศึกษาทุกรูปแบบ คือการเรียนรู้ด้วยตนเองทั้งสิ้น เราจะเรียนรู้อะไรไม่ได้เลย หากไม่รู้สึกอยากที่จะเรียนรู้ คนที่ใช้เวลาเพียรหาความรู้ด้วยตัวเอง คือคนที่เรียนรู้อย่างแท้จริง
9. ทำฝันให้เป็นจริง
ทุกคนย่อมมีความฝัน และก็มีคนไม่น้อยที่สามารถทำความฝันของตนให้เป็นความจริงได้ ด้วยความมุ่งมั่น และเพียรพยายาม
ดังนั้น ยามที่รู้สึกเหนื่อยท้อแท้ ขอให้หยุดพักสักหน่อย แล้วค่อยเดินต่อไป อย่าทิ้งความฝัน เพราะไม่แน่ว่า สักวันมันอาจจะเป็นความจริงขึ้นมา ถ้าเรามุ่งหน้าสู่ฝันอย่างไม่ท้อถอย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 162 มิถุนายน 2557 โดย ประกายรุ้ง)