xs
xsm
sm
md
lg

ปลาไม่รู้จักน้ำ นักการเมืองเลวทราม ไม่รู้เหตุวิกฤตชาติ

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

เนื่องในวันฉัตรมงคล ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน อีกวันหนึ่งที่เหล่าพสกนิกรชาวไทยได้มีความสุขที่รู้สึกได้ด้วยใจ เกลียดนักการเมืองเข้าไส้ เป็นเพราะอะไร ติดตามอ่านเถิด

หนอนไม่รู้จักคูถ (ขี้) ที่ดูดกิน ฉันใด นักการเมืองไทย ไม่รู้เหตุวิกฤตชาติ ฉันนั้น

ดูพรรคประชาธิปัตย์ คุณมาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังหลงเข้าใจผิดว่า เหตุวิกฤตชาติเป็นเพราะบุคคล หรือคณะบุคคล และให้ดำเนินการแก้ไขวิกฤตชาติโดยให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ลาออก วุฒิสภาสรรหานายกรัฐมนตรีคนกลางเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ใครๆ ฟังผ่านๆ ดูเหมือนจะดี แต่ไม่สามารถแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้ เพราะนายอภิสิทธิ์ ยังไม่รู้ว่าเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริงนั้นคืออะไร

ที่เราๆ ท่านๆ เห็นกันอยู่ทุกวันนั้น จากข่าวทีวี หน้าหนังสือพิมพ์ และการขัดแย้งกันของแต่ละแนวทาง ซึ่งทุกฝ่ายต่างก็เข้าใจว่า ต่างฝ่ายต่างก็เลว แล้วก็สาดด่าใส่กัน แต่พวกเขาไม่เห็นน้ำเน่าอย่างแรงขั้นวิกฤตแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทะเลาะกัน ขัดกันบนผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย

ดูจากการพูดของแต่ละฝ่ายแนวคิดของแต่ละฝ่ายต่างก็เข้าใจว่าบ้านเมืองเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว แก้ไขที่ตัวบุคคล ฝ่าย กปปส. มองว่า ทักษิณ พรรคเพื่อไทย นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ปล้นชาติ เลวสุดประมาณแล้ว กปปส.ก็เสนอการปฏิรูป เช่น เลือกตั้งนายกฯ โดยตรง เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง ปฏิรูปตำรวจ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาปลายเหตุ เมื่อคิดทำแต่ปัญหาปลายเหตุ ต้นเหตุที่แท้จริงก็จะไม่ได้รับการแก้ไขส่วนประเด็นที่นักการเมืองทำผิด ก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติ ผิดเป็นผิด หนีก็ไปจับตัวมาลงโทษ

คุณมาร์ค เจตนาดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุวิกฤตชาติคืออะไร คุณมาร์คมั่นใจหนักหนาว่าถ้าทำตามข้อเสนอของเขาจะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้ ผู้เขียนขอฟันธงว่า ขอเสนอของคุณมาร์คทำได้ แต่เป็นข้อเสนอที่รักษาระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญให้ยืนยาวออกไปอีก พูดง่ายๆ มาร์คคิดทำเพื่อรักษานักการเมืองเลวๆ ให้คงอยู่ยาวนานออกไป หรือพูดว่า “คลองคด น้ำไหลคด ฉันใด ระบอบการเมืองเลว นักการเมืองเลว ฉันนั้น”

ที่พูดเช่นนี้เพราะ คุณมาร์คไม่ได้เสนอสร้างหรือสถาปนาหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยธรรม หากยังไม่คิดเสนอ ก็รู้ได้ทันทีว่า เขายังไม่เห็นเหตุวิกฤตชาติ

ฝ่าย กปปส. ก็เช่นกัน ควรเสนออย่างยิ่งคือ ชัยชนะของมหาชนที่แท้จริงคือ การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 อันเป็นหลักการปกครองโดยธรรมที่ก้าวหน้าที่สุด เพราะเป็นเหตุให้เจริญทั้งทางจิตใจและทางการเมือง (จิตของชาติ) การปกครอง (กายของชาติ) การต่อสู้ทางการเมือง จะต้องรุกทางการเมือง การรุกทางการเมืองคือการเสนอการเมืองที่เหนือกว่า (การเมืองระบบความคิด ยึดถือ เชื่อ โดยธรรม โดยปัญญาอย่างเป็นระบบ) การเมืองที่เหนือกว่าคือการเมืองโดยธรรม การเมืองของปวงชนที่แท้จริง เป็นการเมืองที่ให้ความเป็นธรรมกับปวงชนได้อย่างแท้จริงและเปิดเผยและเป็นการเมืองของราชอาณาจักรที่แท้จริง ฯลฯ

การเสนอการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง เลือกผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง ยิ่งเพิ่มปัญหาให้กับประเทศนะ ท่านกำนัน

1. เป็นการคิดแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ทุกคนเห็นนายกรัฐมนตรีแต่ละคนๆ เลวหมด ก็เลยคิดว่าให้ประชาชนเลือกโดยตรงจะดีกว่า การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ในทางรัฐศาสตร์ การเลือกตั้งฝ่ายบริหารสูงสุดในประเทศ จะกลายเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศไปโดยอัตโนมัติและจะขัดแย้งบั่นทอง ลิดรอน ทำลายพระบรมเดชานุภาพ เราขอเตือนไว้อันตรายยิ่งนัก

มันจะกลายเป็นว่า ท่านกำนัน “หลอกคนรักเจ้าไปโค่นเจ้า” เป็นไปตามทฤษฎีแนวร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งฝ่ายเสื้อแดง (คอมฯ สายรัสเซีย) กำลังทำอยู่ในขณะนี้

1) ร่วมมือทักษิณหลอกเอาเงินทักษิณ 2) แนะนำให้ทักษิณและพวกโค่นเจ้า 3) ได้เงินทักษิณมากิน ดื่ม และขยายการจัดตั้ง เช่น ตั้งกองทัพแดง จ้างผู้ชุมนุม วงในพูดกันเกร่อว่า “จะเอากองทัพแดงไปแทนที่กองทัพปัจจุบัน” นี่มั่นหมายถึงอะไร ก็คิดกันเอาเอง 4) หากบรรลุเป้าหมาย (มีพรรคคอมฯ รัสเซีย ฮุนเซน เวียดนาม ช่วยเหลือ) ก็จะโค่นทักษิณ นายทุนข้ามชาติลงในท้ายที่สุด ต้องมองเห็น ต้องรู้ทัน

ข่าววงใน กำนันสุเทพประกาศปฏิรูปเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง ทำไมทักษิณปรมมือให้ กำนันสุเทพเป็นที่ชอบใจของทักษิณมาก เพราะสามารถกินเรียบทั้งประเทศอย่างง่ายดาย และสามารถเอาทรัพยากรในจังหวัดต่างๆ ได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐบาล เพราะเขาถือว่า “กูมาจากการเลือกตั้งของประชาชน” ไม่จำเป็นต้องฟังรัฐบาล

2. นโยบายปฏิรูปของกำนันสุเทพและพวก ทำให้บดบังเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริงและหลอกลวงประชาชน (หลอกคนรักเจ้าไปโค่นเจ้า) หลายคนรู้ทัน เหตุวิกฤตชาติ มันเริ่มตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 แล้ว คือ

รัฐประหาร แล้วสร้างกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือรัฐประหารแล้วสร้างวิธีการปกครอง ถามว่า ยึดอำนาจอธิปไตยของพระราชามาแล้ว อำนาจอธิปไตยอยู่ไหน ก็อยู่ที่คณะราษฎรเพียงหยิบมือเดียว และคณะราษฎรก็ขัดแย้งกันเอง แตกกันเป็นหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายทหารก็แตกเป็นสองสามฝ่าย ฝ่ายพลเรือนก็แตกกันเป็นสองกลุ่มใหญ่คือกลุ่มนายปรีดี พนมยงค์ คือ พรรคเพื่อไทยและพวกปัจจุบัน กลุ่มนายควง อภัยวงศ์ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน ก็ดูที่แนวคิดนายชวน หลีกภัยก็พอแล้วว่าล้าหลังหรือไม่ นักการเมืองฝ่ายพลเรือนโกงชาติ ฝ่ายทหารก็ทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วสร้างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ ซ้ำรอย ซ้ำซากเช่นนี้มายาวนานร่วม 82 ปี

ปัญหาการเมือง คือความเห็นผิดอย่างร้ายแรงที่สุด เบาปัญญาที่สุด คือ เอากฎหมายรัฐธรรมนูญไปสร้างระบอบประชาธิปไตย ทั้งนักวิชาการ ทั้งนักการเมือง ต่างก็เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตยรัฐประหาร แล้วร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นการใส่กระดุมเม็ดแรกผิด เมื่อเหตุผิด มันจึงผิดๆๆๆๆ ตามกฎของเหตุและผล
เราขอฟันธงว่า จะร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญสัก 100 ครั้ง 1,000 ฉบับ ก็ไม่มีวันจะได้ระบอบประชาธิปไตย มันก็จะได้แต่หลอกๆ ปล้นชาติกันอยู่อย่างนี้เรื่อยไป

ระบอบกลายเป็นคณะผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียว
ก็กลายเป็นว่าเปลี่ยนจากพระราชาหนึ่งองค์ ก็กลายมาเป็นคณะราชาหลายองค์ เป็นพรรคบ้าง คณะบ้าง ล้วนแล้วแต่ปล้นชาติทั้งสิ้น (คนมันคด อคติ 4) พวกเขาใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นวิธีการปกครองหรือเป็นเครื่องมือในการปกครอง ใช้รูปการปกครองคือระบบรัฐสภา ใช้วิธีการขึ้นสู่อำนาจคือเลือกตั้งแบบเผด็จการและสรรหาเมื่อระบอบเป็นเผด็จการเพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของคุณบุคคลเพียงหยิบมือเดียว การเลือกตั้งและการสรรหาก็เป็นเผด็จการตามไปด้วยนั่นเอง

ด้วยเหตุผล ดังกล่าวนี้ ไทยเราจึงจมปลัก ติดหล่มอาจมอยู่กับความเชื่อผิดๆ อย่างร้ายแรงว่า รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย แต่ที่จริงแล้ว ตัวระบอบจริงๆ คือคณะรัฐบาลและพวกที่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นบริหารประเทศนั่นเอง

จึงได้เรียกว่า ระบอบเผด็จการ (คณะนักการเมือง+กลุ่มทุนข้ามชาติเพียงหยิบมือเดียว) รัฐธรรมนูญ ระบบรัฐสภา

แนวทางแนะนำ

1) ล้อตามวิธีการคณะรัฐประหาร
คือ รัฐประหาร ล้มรัฐระบอบ ล้มรัฐบาลระบอบเผด็จการลงได้แล้วก็ประกาศ เสนอการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 แล้วประชาสัมพันธ์ทุกสถานีว่า นี่คือระบอบการเมืองโดยธรรมของทุกคนเป็นอย่างนี้ เพียงแค่นี้จุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง ก้าวแรกที่ถูกต้อง กระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้องอย่างยิ่งใหญ่ของชาติก็เกิดขึ้นทันที อุปมา ดุจดังสร้างวัดพระแก้ว จากนั้น จึงร่าง (แก้ไข) วิธีการไปวัดพระแก้ว (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) ทุกคนไปวัดพระแก้วได้ฉันใด กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ต้องขึ้นตรงต่อหลักการปกครองโดยธรรม ฉันนั้น ดุจดัง ดาวเคราะห์ขึ้นตรงต่อดวงสุริยา หวังว่าทุกคนคงเห็นภาพ

2) ล้อตามพรรคการเมือง และกลุ่มพลังทางการเมืองทุกกลุ่ม ทั้ง พันธมิตรฯ กปปส. ให้สลายพรรคการเมืองทุกพรรค ให้เป็นพรรคการเมืองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องเลิกจดทะเบียนกับ กกต.เพื่อให้การเมืองใหญ่กว่ากฎหมาย หรือให้รัฐศาสตร์ใหญ่กว่านิติศาสตร์จากนั้นรวมตัวกันเป็นแกนนำมวลชนไทย ไม่มีพรรค ไม่มีกลุ่ม มีแต่แนวคิดร่วมกันสร้างชาติ โดยการร่วมกันเสนอ เรียกร้อง รณรงค์ ผลักดัน การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ก็จะเป็นความสำเร็จร่วมกัน

3) ใครๆ หลายคนก็คิดว่าทำไม่ได้ เพราะติดยึด หลงผิด กำนันสุเทพ ทำได้นะ ถ้าบารมีพอ

4) กลุ่มไหนทำได้ โดยไม่เกี่ยวกับบุคคล เริ่มโดย กปปส.เชิญพันธมิตรฯ หรือพันธมิตรฯ เชิญ กปปส. ฝ่ายแรงงานทั้งหมด ฝ่ายชาวนาทั้งหมด ฝ่ายนายทุน ฝ่าย นักวิชาการมาเข้าร่วมประชุม เพื่อสัมมนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9

5) หากทำได้ คือชัยชนะของปวงชนคนไทยและฝ่ายราชอาณาจักร ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จักมั่นคงชั่วกัลปาวสาน ใครคิดว่าทำได้ จงทำเลย ร่วมกันทำ ชนะแน่นอน เพราะนี่คือการรุกทางการเมืองที่ใครๆ ก็ไม่อาจจะต่อต้านอำนาจแห่งธรรมได้ หรืออำนาจแห่งพระเจ้าได้ หรืออำนาจแห่งความถูกต้องได้

6) เราขอแนะนำให้ทุกพรรค แนะนำคุณมาร์ค แนะนำลุงกำนันทำเช่นนี้ แนะนำกปปส. เป็นครั้งที่ 109 แล้ว

7) ขอให้ช่วยกันคิด พูดทำ ต่อไปเถิด

8) ธรรมาธิปไตย ไม่ได้รับการสถาปนา เชื่อเถิดว่า ไทยจะพินาศ

กำลังโหลดความคิดเห็น