รายงานการเมือง
เหลือแค่มุกเดียว ถูกปฏิบัติสองมาตรฐาน แล้วปลุกแดงขึ้นข่ม!!
ตามอาการรัฐบาลรักษาการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และองคาพยพดิ้นพล่านกันออกมาร้องแรกแหกระเชอหลังสถานการณ์ถูกปรับโหมดเข้าสู่เดือนแห่งการพิพากษาชี้ชะตาลมหายใจ
ไฮไลต์สำคัญหลักๆ คือ คดีความในมือศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ฟันธงขาดสามท่อนเดาอนาคต ตอกฝาโลงกันทุกคดี
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้เหลือเพียงโพนทะนาดังๆ ให้สังคมได้ยิน ทั้งการดิสเครดิตองค์กรอิสระที่กุมชะตาตัวเองอยู่ให้เหลือความชอบธรรมน้อยที่สุด ทั้งการร้องขอความเห็นใจว่าถูกขบวนการล้มรัฐบาลรังแก ทั้งที่ตัวเองมาถูกต้องตามประชาธิปไตย
หมดจากนี้มุกตันไม่เหลือให้แถด้วยจำนนกับพยานหลักฐาน
แถมระยะหลังๆ บทดรามาของ “หญิงปู” ชักแป้ก กระตุกต่อมประชาชนไม่ค่อยได้ เพราะเล่นเฝือเกินไป บ่อยเกินไป โดนดักทางได้ เลยต้องไปงัดเอาบทเก่าๆ มาเสริมช่วย อย่างการปัดฝุ่นเสื้อแดงมาข่มฝ่ายตรงข้าม ตีฆ้องร้องป่าวให้สถานการณ์มันดูน่ากลัว เสมือนจะเกิดสงครามกลางเมืองเสียให้ได้ เพื่อบล็อกฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ผลีผลามประเจิดประเจ้อทำอะไรรัฐบาล
โดยเฉพาะการไปขุดเอาศพเน่ามาแช่ฟอร์มาลีนให้ดูสด ตั้ง “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นวอเป็นประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แทน “นางนกแสก” ธิดา ถาวรเศรษฐ ที่หมดสภาพออกอ่าวออกทะเล แล้วยังเปิดตำแหน่งเลขาธิการ นปช.ไปให้ “บักเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นหัวโขน หวังส่งสัญญาณแจ้งเตือนฝั่งตรงข้ามให้ระวังกองทัพแดง
เพราะการเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึกสงครามที่ร้อนระอุ โดยเลือก “ตุ๊ดตู่” และ “บักเต้น” ขึ้นมาถือธง ก็หวังจะเอามาเป็นแม่เหล็กดูดมวลชนที่กระจัดกระจายให้กลับมารวมกันเป็นกลุ่มก้อนอีกครั้ง อีกทั้งยังแอบบอกเป็นนัยว่า ระวังสถานการณ์แรง เพราะสองหน่อนี้มีสัญลักษณ์ของความเป็นฮาร์ดคอร์อยู่
แล้วก็ได้ผล แต่เป็นผลในทางจิตวิทยาเท่านั้น อาจทำให้มวลชนคนเสื้อแดงดูฮึกเหิมคึกคักกว่าสมัย “นางนกแสก” กุมบังเหียน แต่ในทางปฏิบัติอาจแค่กระเตื้องมานิดเดียว เพราะแม้ “ตุ๊ดตู่” และ “บักเต้น” จะสร้างแรงดึงดูด และนัยแห่งความรุนแรงขึ้นมาได้ แต่ด้วยเงื่อนไขและปัจจัยต่างๆ ในปัจจุบันมันไม่อาจเอื้อต่อกลยุทธ์ดังกล่าว ด้วยเพราะทั้งคู่ติดล็อกเงื่อนไขการประกันตัว ดังนั้น หากมีการปลุกระดมจะด้วยวิธีใด ทั้งการปราศรัย ทั้งการเคลื่อนไหว มีสิทธิถูกศาลถอนประกันเข้าไปนอนซังเต
ขณะที่แกนนำรายอื่นๆ ก็ติดล็อกเงื่อนไขในลักษณะเดียวกัน เหลือเพียงพวกแถวสองแถวสามที่มือไม่ถึง เรียกแขกไม่ได้ และหากตรวจแถวคนเสื้อแดงวันนี้ไม่เหมือนเดิมกับปี 2553 อีกแล้ว ด้วยเพราะแผลกลัดหนองเรื่องร่าง พ.ร.บ.สุดซอย และแผลจากการเบี้ยวโครงการรับจำนำข้าวยังเหวอหวะยากจะสมานให้เหมือนเดิม
นอกจากนี้ ในปี 2553 เสื้อแดงเป็นฝ่ายรุกไล่รัฐ ต่างจากปีนี้ที่ตั้งรับ อารมณ์ของมวลชนที่เร่าร้อนออกมาจึงแตกต่างกัน การขยับปีกของ นปช.ครั้งนี้จึงทำได้แค่เพียงขู่ให้เกิดความกลัวการเผชิญหน้าระหว่างมวลชนทั้งสองฝั่งเท่านั้น
หรืออีกทางหนึ่ง การเปลี่ยนหัวขบวนครั้งนี้หากเป็นไปเพื่อซ่องสุมกำลังเพื่อเตรียมพร้อมในกรณีคับขัน รัฐบาลรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์โดนสอยร่วง การพามวลชนเข้ามาประจันหน้าก็ไม่ส่งผลดีต่อตัวเอง หนำซ้ำจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ของตัวเองให้ง่อนแง่นหนักกว่าเก่า
ตามตำราการเมืองทุกยุคทุกสมัยที่ฝ่ายถืออำนาจย่อมเสียเปรียบอยู่ร่ำไป เพราะแม้จะมีอำนาจในการจัดการกับม็อบได้ แต่ก็เสี่ยงจะถูกฟ้องเป็นคดีความ เสมือนแหย่เท้าเข้าตะรางไปข้างหนึ่ง
การปล่อยให้เสื้อแดงออกมาเพ่นพ่านในเมืองกรุงอีกม็อบ จะยิ่งทำให้การดูแลรักษาความสงบยากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว หากวันใดวันหนึ่งเกิดการเผชิญหน้ากันขึ้นมา ฝ่ายรัฐนั่นล่ะคือผู้ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย แบบบิดพลิ้วไม่ได้
จับทาง “กำนันเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้ ชักธงท้า “ตุ๊กตู่” ทุกคืน แน่จริงให้ขนเข้ามา เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่กล้า
ดูคดีตัวอย่าง แค่หรี่ตาให้ “กุ๊ยคลองหลอด” นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการ รมว.มหาดไทย กับ “บักเต้น” ไปพล่ามบนเวทีลั่นกลองรบ ยังโดน ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนสอบ “หญิงปู” ข้อหาปล่อยปละ หากยกระดับไปขนคนมาด้วยตัวเอง ถูกฟ้องกันยาวเป็นหางว่าว เผลอๆ มีนอนซังเตปิดเทอมยาวแน่
มุกขู่ฟ่อขนเสื้อแดงชน กปปส.จึงไม่ส่งผลดีต่อน้องสาว “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเสี่ยงจะยิ่งทำให้ช้ำ กลายๆ ไปถึงขั้นจะไม่มีที่ยืนในประเทศเอา
เพราะหากเช็กสัญญาณกันตามที่แปรรหัสได้ ขบวนการตะเพิด “หญิงปู” ยังอยู่ในรูปการณ์แค่บีบให้ลงจากเก้าอี้เพื่อเปิดทางให้ปฏิรูป ไม่ถึงกับเข่นฆ่ากันเนรเทศกันออกประเทศ ดังนั้น ตามสภาพหาก “นายใหญ่” จะเดินเกมโหด เปิดศึกชิงเมืองกันแบบเอาเป็นเอาตายมีประชาชนคอยสังเวย โดยอัดฉีดให้ นปช.นำทัพ เท่ากับโบกมือเรียกน้องสาวเข้าไปอยู่ที่ดูไบด้วย เพราะบ้านเมืองเละ “หญิงปู” ก็ไม่รอด
เต็มที่ทำได้แค่ปฏิบัติการใต้ดินข่มขู่องค์กรอิสระ ยิงระเบิดเอ็ม 79 บ้าง วางระเบิดบ้างรายวัน แต่ก็เป็นแค่การเร้าสถานการณ์ให้มันร้อน ดูน่ากลัว มีกลิ่นคาวเลือด
แต่ความเป็นจริงไต่ระดับไปสู่จุดนั้นยาก!!
เช่นเดียวกับปฏิกิริยาของบรรดาลิ่วล้อในพรรคเพื่อไทยช่วงนี้ที่ออกมาขย่มองค์กรอิสระ ด้วยการปัดฝุ่นมุกไม่ยอมรับอำนาจศาล ฉายภาพสมัยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขึงขังแถลงไม่รับอำนาจกันยกใหญ่ แต่สุดท้ายพอเรื่องไปอยู่ในมือ ป.ป.ช. ก็ต้องรีบหิ้วเอกสารหลักฐานไปชี้แจงเป็นการใหญ่เพราะกลัวโดนกะซวกไส้
ตามคิวหนนี้หวนมุกเดิม เชื่อขนมกินแต่หัววัน หากศาลรัฐธรรมนูญทุบโต๊ะโพล่ง มิวายจะเข้าอีหรอบเดิมๆ สุดท้ายก็ต้องรับอำนาจอยู่ดี เพราะเป็นกติกาสูงสุดของสังคม เหมือนช่วง “ทักษิณ” โดนคดี ก็มาเซตนี้ ด่ากราดองค์กรอิสระไม่เป็นธรรม แต่พอถูกชี้ขาดด้วยพยานหลักฐาน ก็หนีกระเจิดกระเจิงไปต่างประเทศ
ปากพูดได้ ใจคิดได้ แต่ไม่ปฏิบัติ ติดคุก!!
วันนี้ “ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย นปช.” อยู่ในสถานะดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน เหลือแค่จะด้านทนไปได้นานแค่ไหนเท่านั้น
การเมืองไทยหลังจากนี้ ฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณไม่แพ้ แต่จะชนะแบบสุดซอยหรือเปล่านั้นเท่าเอง