ททท.ชุมพรมั่นใจงาน “อันดามันคาร์นิวัล” สร้างสีสันการท่องเที่ยว

ระนอง - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานชุมพร มั่นใจ งานอันดามันคาร์นิวัล สร้างสีสันการท่องเที่ยว 5 จังหวัดกลุ่มอันดามัน นอกจากความสนุกสนานความสวยงามของแต่ละขบวนแล้ว ยังแฝงด้วยสาระ และแก่นแท้ของวิถีอันดามัน

นายอภิชัย อรัญญิก ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง เปิดเผยถึงการจัดงานอันดามันคาร์นิวัล ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 มิ.ย.นี้ ที่จังหวัดระนอง ว่า ความโดดเด่นของรูปแบบงานคาร์นิวัล ซึ่งมีต้นแบบมาจากประเทศในแถบละตินอเมริกา เป็นงานที่รื่นเริงสนุกสนาน นับเป็นครั้งแรกของจังหวัดระนองที่มีการจัดงานในลักษณะนี้ ซึ่งถือเป็นการผ่อนคลายความเครียดของประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกอีกด้วย
 
นอกจากนี้ ยังเป็นการผนึกกำลังด้านการท่องเที่ยวครั้งสำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง โดยในรูปแบบของขบวนคาร์นิวัลจะเน้นเอกลักษณ์ความโดดเด่นของแต่ละจังหวัดที่ต้องการนำเสนอ เช่น จังหวัดระนอง นำเสนอการเป็นเมืองธรรมชาติที่สวยงาม เมืองน้ำแร่ และเป็นประตูสู่ประเทศพม่า จังหวัดกระบี่ เสนอ 43,000ปีวิถีอันดามัน ซึ่งชูประเด็นร่องรอยอารยธรรม จำลองวิถีชีวิตมนุษย์ถ้ำยุคก่อนประวัติศาสตร์ จังหวัดภูเก็ต นำเสนอเมืองแห่งแสงสีที่ไม่เคยหลับใหล โดยขบวนที่เป็นไฮไลต์คือ ขบวนสุดท้ายขบวนอันดามันคาร์นิวัล ที่ผสมผสานวิถีชีวิตของ 5 จังหวัดฝั่งอันดามัน และการปฏิสัมพันธ์ต่อโลกตะวันตก จากการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากความสวยงามความสนุกสนานของขบวนคาร์นิวัลแล้ว ยังแฝงไปด้วยสาระที่เป็นแก่นแท้ของแต่ละจังหวัดที่น่าสนใจ

ในส่วนของการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน หรือช่วงโลว์ซีซัน นายอภิชัย กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 4-8 มิถุนายน ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ได้มีการจัดงานเที่ยวเมืองไทย โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งจังหวัดระนอง ได้ร่วมออกบูทแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง รวมทั้งมีการจำลองพระราชวังพระที่นั่งรัตนรังสรรค์ อันงดงามของจังหวัดระนอง ให้ประชาชนที่สนใจได้เห็น รวมถึงมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวจัดแพกเกจทัวร์ในช่วงฤดูฝน กระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะนี้อีกทางหนึ่ง

สำหรับเรื่องของการประกาศเคอร์ฟิวที่ผ่านมา จังหวัดระนอง ไม่ได้รับผลกระทบภาคการท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากเป็นสถานที่ซึ่งเน้นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ซึ่งโดยมากจะเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวในภาคกลางวัน สำหรับเวลากลางคืน ด้วยสภาพอากาศ และสภาพภูมิประเทศจึงเหมาะแก่การพักผ่อน ดังนั้น การประกาศเคอร์ฟิวจึงไม่กระทบต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักแต่อย่างใด