ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ย่านป่าตอง ทนไม่ไหวโดนขูดรีดเก็บส่วยอย่างหนัก ขึ้นป้ายประจานเจ้าหน้าที่รัฐจากส่วนกลาง พร้อมปิดร้านหนีส่วยพรึบ
วันนี้ (30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประกอบการร้านค้าในพื้นที่ป่าตอง ซึ่งส่วนใหญ่จำหน่วยสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ ทั้งที่บริเวณถนนทวีวงศ์ (ถนนหน้าหาดป่าตอง) และถนนราชอุทิศ 200 ปี ได้นำป้ายผ้าเขียนข้อความต่างๆ มาติดไว้บริเวณหน้าร้าน พร้อมปิดร้าน เพื่อประท้วงหน่วยงานจากส่วนกลาง ซึ่งมีมาสารพัดหน่วยที่มาเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการในพื้นที่หาดป่าตอง โดยข้อความที่ผู้ประกอบการร้านค้าฯ ดังกล่าว นำมาปิดไว้บริเวณหน้าร้าน เช่น “ปิดหนี ส่วย ครับ หาเงินไม่พอจ่ายท่านเขม” “ไม่ได้ค้ายาบ้า ยาเสพติด ตร.ส่วนกลางทำอย่างกับเราเป็นอาชญากร” “กูถามจริงๆ เหอะพวงมึงแดกกูดีๆ ไม่เป็นกันแล้วเหรอ” “เข้าคิวกันมาเก็บส่วย คนซวยคือประชาชน” “ไม่ได้เรียกร้องเกินเหตุ แต่ขูดรีดอย่างนี้เกินจะทน...ครับ... ท่าน ฉ.ก.ปอศ.ส่วนกลาง” เป็นต้น
ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจนต้องขึ้นป้ายประจานการทำงานของเจ้าหน้าที่ และปิดร้านหนี ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการรัฐประหาร ซึ่งจะมีการปฏิรูปในทุกมิติ แต่ของเรายังมีส่วย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของผู้ประกอบการ ถ้าเป็นในเรื่องของความมั่นคง นอกเหนือจากปัญหายาเสพติด หรือปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความมั่นคงแล้ว แล้วในเรื่องของส่วย ถึงแม้ไม่ได้เป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ต้องแก้ แต่ก็อยากให้ได้รับการแก้ไข
ที่ว่าจะปฏิรูปทุกมิติอยากเห็นตรงนั้น ประชาชนก็รอดูอยู่ว่าจะเรียงลำดับยังไง อย่างปัญหาเร่งด่วนล่าสุดคือ ปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาจากโครงการรับจำนำข้าว ชาวนาได้รับเงินแล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้ารัฐบาลยังอยู่ทำอะไรไม่ได้ ลำดับต่อมา คือ ภาคท่องเที่ยว ที่ทหารพูดว่า ต้องรื้อฟื้น ต้องให้ความสำคัญต่อนักท่องเที่ยว ต้องให้เขารู้สึกว่ามีความเชื่อมั่น มาบ้านเราแล้วต้องปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน คิดว่าเป็นลำดับต้นๆ เหมือนกัน ที่ต้องให้ความสำคัญ พวกค้าขายคือองค์ประกอบโดยอ้อม สถานที่ท่องเที่ยวต้องมีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวเขาต้องกินต้องชอป ต้องเที่ยวอยู่แล้ว
การเปิดร้านค้าจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า ถามว่าเป็นความผิดร้ายแรงไหม ก็ไม่ได้ร้ายแรงนะ และประเทศเราไม่ได้เป็นประเทศผลิตด้วย จะให้นำสินค้าโอทอปมาจำหน่าย ฝรั่งไม่รู้จักสินค้าโอทอป เขาก็ไม่ซื้อ ผู้ประกอบการเลยเอาของละเมิดฯ มาจำหน่าย
มองภาพรวม อย่างเศรษฐกิจทุกวันนี้ก็ย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซัน นอกจากจะมาพะวงเรื่องการหาค่าเช่าที่ในการจำหน่ายสินค้า ซึ่งแทบจะไม่มีรายได้เข้ามา ยังต้องมาพะวงกับผู้ที่จะมาเรียกเก็บอีก จ่ายแล้วก็ยังจะมาจับ ยังมาขอเพิ่ม โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีแรงงานเป็นชาวต่างด้าวจะต้องจ่ายตรงส่วนนี้ด้วย ก็มีเพิ่มเข้ามา อย่างบ้างหน่วยงานที่เข้ามาเรียกเก็บ ซึ่งไม่ได้รับผิดชอบในพื้นที่ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจังหวัดภูเก็ต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เลย ยังมาเรียกเก็บ ลักษณะเหมือนกับเป็นการแนะนำกันมา ซึ่งที่จ่ายอยู่ทุกวันนี้ ที่คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงมีกว่า 10 หน่วย
ดีใจที่มีการยึดอำนาจการปกครอง คิดว่าน่าจะแก้ปัญหาเรื่องส่วยได้ดี คาดหวังว่าทหารจะรับรู้เรื่องพวกนี้เกี่ยวกับองค์กรพวกนี้ ที่บอกว่าจะปฏิรูป นอกเหนือจากยาเสพติด หรือเรื่องอื่นๆ แล้ว เรื่องส่วยเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ก็อยากให้ได้รับการแก้ไขด้วย
ขณะที่ผู้ประกอบการอีกราย กล่าวด้วยว่า ในเรื่องสินค้าละเมิดฯ เหล่านี้ ผู้ประกอบการเองมีข้อมูลหมดว่าจ่ายใครไปบ้าง เราพร้อมจ่ายอยู่แล้ว เราก็เข้าใจก็เกื้อกูลกันไป แต่ตอนนี้แตกออกมาเป็น 10 รายแล้ว เวลาโดนจับเรียกเงิน เป็นหมื่นๆ เพื่อแลกกับการปล่อยตัว หน่วยอื่นไม่ควรเข้ามาเพิ่มภาระให้ผู้ประกอบการ ค่าเช่าก็แพงมาก ตอนนี้มีร้านค้าปิดดำเนินการไปประมาณเกือบครึ่งที่ปิดตอนนี้ สาเหตุคือ นายต้องการเก็บเท่าเดิม แต่ไม่ฟังเหตุผลว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้แล้ว เสียเงินไปเยอะมาก ร้านลดไปแต่ต้องการยอดเท่าเดิม ร้านหายไปเกือบครึ่งจะเอาจากไหน ผู้ประกอบการเลยประชุมกันว่าจะทำยังไง เพราะต้องรับภาระเพิ่มขึ้นไปอีก คือเรารับไหวจริงๆ กับหลายๆ หน่วยงานที่มาเรียกรับ
คือที่รับไม่ได้ หน่วยงานพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภูเก็ตกลับมาเรียกเก็บ ส่วนที่รับได้คือผู้เดือดร้อนจริงๆ ที่ควรจะมา ที่เขาเดือนร้อน ตัวแทนการค้า หรือเจ้าของลิขสิทธิ์มาได้ เอาเจ้าหน้าที่มาได้ ไม่ว่ากัน หรือมาขอกำลังเสริมจากพื้นที่ อันนั้นไม่มีปัญหาเลย เขาจะมีหมายศาลมาตรวจสอบจับกุมเรายอมรับตรงนั้น คนที่เสียหายจากการที่เราไปละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจเลยที่จะมาจับอย่างนี้ ตามกฎหมาย งานของลิขสิทธิ์ จะนับสินค้าที่จับกุมได้เป็นรายชิ้นส่งศาลแล้วเสียค่าปรับ แต่นี่เอาไปลักษณะต่อรองเรียกรับ คืนของบ้างไม่คืนบ้าง ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็กที่เดือดร้อน