สะเก็ดไฟ
ความล้มเหลวจากโครงการจำนำข้าว ที่ “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ เจ๊ ด.รวย” นั้น เป็นบทเรียนสำคัญยิ่งสำหรับคนไทยที่ได้เห็นถึงความล่มสลายของ “นโยบายประชานิยม” เคลือบยาพิษ ตั้งแต่เริ่มต้นจนครบวงจรอุบาทว์ที่ทำให้ชาติพัง ชาวนาถึงตาย!
ไม่ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นปฏิปักษ์กับระบบกฎหมายและคุณงามความดีจะพยายามแก้ตัวใช้สื่อขี้ข้าล้างสมองประชาชนว่า โครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดีสำหรับชาวนาก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถกลบเกลื่อนความจริงได้
เพราะชีวิตที่ขมขื่นของชาวนาได้ทยอยปรากฏออกมาให้สังคมไทยได้เห็นถึงวงจรชีวิตที่ “ยิ่งลักษณ์” มอบให้
ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือนของปี 2557 มีชาวนาฆ่าตัวตายแล้วอย่างน้อย 8 ราย เพราะไม่ได้เงินจำนำข้าวอันเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่พวกเขาควรได้ แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับทำตัว “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” กันแบบหน้าด้านๆ และอำมหิตที่สุดต่อ “ชาวนา” ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญให้ ยิ่งลักษณ์เหยียบเป็นบันไดขึ้นสู่อำนาจ
จุดเริ่มต้นจำนำข้าวสู่จุดจบของชาวนาในครั้งนี้นั้น เราคงโทษทักษิณซึ่งเป็นคนคิดโครงการนี้เพียงคนเดียวโดยลำพังไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่ชาวนาเองก็ต้องเรียนรู้ด้วยว่า “หลงเชื่อนักการเมือง” ที่เอาลาภมาล่อ นำมาซึ่ง “ความหายนะ”
โครงการนี้ แม้แต่ชาวนาก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และไม่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญคือ “ชาวนา” รู้ดีที่สุดว่า “โครงการรับจำนำข้าว” มีการทุจริตทุกขั้นตอน แต่กลับหลงผิดกระโดดเข้าไปเป็นเหยื่อของขบวนการปล้นชาติผ่านโครงการนี้ จนต้องเป็นหนี้ท่วมหัว ชีวิตตัวก็รักษาไว้ไม่ได้
หลังมีการประกาศนโยบายจำนำข้าว 15,000 บาท เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่า การจำนำข้าวในราคาดังกล่าวสูงกว่าราคาตลาด 40-50% ซึ่งหมายถึงการขาดทุนอย่างมโหฬารที่จะเกิดขึ้นทันทีจากการรับจำนำ หรืออาจเรียกให้ตรงกับความจริงที่สุดว่า “เมื่อการซื้อเม็ดแรกเกิดขึ้นจะตามมาด้วยความหายนะเป็นโดมิโน”
โครงการนี้ได้รับการตอบรับจากชาวนา เพราะคิดว่าจะทำให้พวกเขา “ลืมตาอ้าปากได้” จนทำให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเข้ามาเป็นรัฐบาลอย่างถล่มทลายจาก “ชาวนาจริง” แต่วันนี้รัฐบาลมองไม่เห็นชาวนาจริง เห็นแต่ “ชาวนาปลอม” ที่เป็นศัตรูต่อรัฐเท่านั้น
เมื่อเริ่มโครงการ ชาวนาดีใจแม้จะได้จำนำจริงสูงสุดไม่เกินหมื่นสอง เมื่อถูกโรงสีเอาเปรียบก็ทนได้ เพราะอย่างน้อยได้เงินมากกว่าเดิม ไม่เคยมีคำถามสามพันบาทที่ควรเป็นของชาวนาหายไปไหน ไม่คิดถึงอนาคต นอกจากเงินที่จะได้เฉพาะหน้าด้วยการรีบปลูกข้าวเอาเข้าโครงการจำนำ ไม่คำนึงถึงคุณภาพเชื่อว่ารัฐบาลกู้เงินทำโครงการ 5 แสนล้านว่า จะทำกำไรปั่นราคาข้าวในตลาดโลกได้ อดทนต่อคำตระบัดสัตย์ของรัฐบาลซ้ำซาก จนที่สุดต้องลุกฮือขึ้นมาทวงเงินจากรัฐบาลที่เป็นลูกหนี้ชาวนาอยู่ 1.3 แสนล้านบาท
ความจริงจากชีวิตชาวนาที่ถูกทยอยตีแผ่ออกมาประจานให้สังคมไทยได้เห็น เป็นสิ่งที่คนไทยควรจะต้องตะโกนดังๆ ถามกลับไปที่ “ยิ่งลักษณ์” ว่า “เมื่อไหร่มึงจะให้ชาวนาค้าาา”
ที่สำคัญคือ ยิ่งลักษณ์ ยังท่องโครงการดี ชาวนาได้ประโยชน์ โทษการเมือง กกต. ยุบสภา กปปส. ทำให้จ่ายจำนำข้าวไม่ได้ ทั้งที่รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าโครงการนี้ทำให้คลังถังแตก ทุจริตจนไม่มีเงินจ่ายให้ชาวนา
แต่เธอกล้าที่จะพูดโกหกคำโตซ้ำๆ โดยไม่ละอายใจแม้แต่นิดเดียว จึงต้องถือว่าเป็น “มนุษย์พันธุ์พิเศษที่หน้าด้านออกสื่อได้ทุกวัน”
ยิ่งลักษณ์จะเคยรู้บ้างไหมว่า ชีวิตของชาวนาที่พร่ำท่องว่าดีขึ้นนั้น กำลังประสบชะตากรรมอย่างไร
คิดว่าเธอคงไม่รู้ จึงขออนุญาตเล่าถึงชะตากรรมของชาวนากำแพงเพชร ให้ได้รับทราบ แม้ว่าจะมีค่าเพียงแค่ “การสีซอ” ก็ตาม
ข่าวพาดหัวเรื่องชาวนาฆ่าตัวตายเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในช่วงกลางปี 2556 จนถึงต้นปี 2557 ชีวิตลำเค็ญของ ทัศนีย์ ภูนาท ชาวนาที่ได้รับผลพวงจากนโยบายพิษ ซึ่งเพิ่งปรากฏเป็นโศกนาฏกรรมให้เห็นเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 57 นี่เอง
ชีวิตของทัศนีย์ต้องเรียกได้ว่า เป็นผู้ที่กตัญญูต่อบิดามารดา เธอดูแลพ่อแลแม่ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ด้วยการทำนาเลี้ยงชีพ แต่ในวันที่แม่เธอเสียชีวิตเธอกลับไม่มีแม้กระทั่งเงินทำศพ ถึงขั้นต้องขายจักรยานยนต์ได้เงิน 2 หมื่น มาจัดพิธีศพให้แก่บุพการี
ทัศนีย์ เช่าที่ทำนากว่า 30 ไร่ เสียค่าเช่านาประมาณ 1 พันบาทต่อครั้งต่อไร่ เธอมีความหวังกับโครงการจำนำข้าวร่วมเข้าโครงการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ถูกรัฐบาลนี้เบี้ยวเงินถึง 286,446 บาท โดยต้องรอคอยอย่างไร้ความหวังมายาวนานกว่า 5 เดือน และไม่มีวี่แววที่จะได้เงินที่ตัวเองควรได้จากรัฐบาลที่ไร้ความรับผิดชอบ
ปัจจุบัน ทัศนีย์ เป็นหนี้สหกรณ์ 5 หมื่นบาท กองทุนหมู่บ้าน 3 หมื่นบาท หนี้ ธ.ก.ส. 220,000 บาท บวกกันเข้าไปแล้ว หากได้เงินจากรัฐบาลมาก็ใช้หนี้หมดตัว ไม่เหลือไว้ประทังชีวิต
นี่คือสิ่งที่ “ทักษิณคิด เจ๊ ด.รวย ยิ่งลักษณ์ทำ ชาวนาตาย”
ความล้มเหลวจากโครงการจำนำข้าว ที่ “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ เจ๊ ด.รวย” นั้น เป็นบทเรียนสำคัญยิ่งสำหรับคนไทยที่ได้เห็นถึงความล่มสลายของ “นโยบายประชานิยม” เคลือบยาพิษ ตั้งแต่เริ่มต้นจนครบวงจรอุบาทว์ที่ทำให้ชาติพัง ชาวนาถึงตาย!
ไม่ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นปฏิปักษ์กับระบบกฎหมายและคุณงามความดีจะพยายามแก้ตัวใช้สื่อขี้ข้าล้างสมองประชาชนว่า โครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดีสำหรับชาวนาก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถกลบเกลื่อนความจริงได้
เพราะชีวิตที่ขมขื่นของชาวนาได้ทยอยปรากฏออกมาให้สังคมไทยได้เห็นถึงวงจรชีวิตที่ “ยิ่งลักษณ์” มอบให้
ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือนของปี 2557 มีชาวนาฆ่าตัวตายแล้วอย่างน้อย 8 ราย เพราะไม่ได้เงินจำนำข้าวอันเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่พวกเขาควรได้ แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับทำตัว “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” กันแบบหน้าด้านๆ และอำมหิตที่สุดต่อ “ชาวนา” ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญให้ ยิ่งลักษณ์เหยียบเป็นบันไดขึ้นสู่อำนาจ
จุดเริ่มต้นจำนำข้าวสู่จุดจบของชาวนาในครั้งนี้นั้น เราคงโทษทักษิณซึ่งเป็นคนคิดโครงการนี้เพียงคนเดียวโดยลำพังไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่ชาวนาเองก็ต้องเรียนรู้ด้วยว่า “หลงเชื่อนักการเมือง” ที่เอาลาภมาล่อ นำมาซึ่ง “ความหายนะ”
โครงการนี้ แม้แต่ชาวนาก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และไม่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญคือ “ชาวนา” รู้ดีที่สุดว่า “โครงการรับจำนำข้าว” มีการทุจริตทุกขั้นตอน แต่กลับหลงผิดกระโดดเข้าไปเป็นเหยื่อของขบวนการปล้นชาติผ่านโครงการนี้ จนต้องเป็นหนี้ท่วมหัว ชีวิตตัวก็รักษาไว้ไม่ได้
หลังมีการประกาศนโยบายจำนำข้าว 15,000 บาท เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่า การจำนำข้าวในราคาดังกล่าวสูงกว่าราคาตลาด 40-50% ซึ่งหมายถึงการขาดทุนอย่างมโหฬารที่จะเกิดขึ้นทันทีจากการรับจำนำ หรืออาจเรียกให้ตรงกับความจริงที่สุดว่า “เมื่อการซื้อเม็ดแรกเกิดขึ้นจะตามมาด้วยความหายนะเป็นโดมิโน”
โครงการนี้ได้รับการตอบรับจากชาวนา เพราะคิดว่าจะทำให้พวกเขา “ลืมตาอ้าปากได้” จนทำให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเข้ามาเป็นรัฐบาลอย่างถล่มทลายจาก “ชาวนาจริง” แต่วันนี้รัฐบาลมองไม่เห็นชาวนาจริง เห็นแต่ “ชาวนาปลอม” ที่เป็นศัตรูต่อรัฐเท่านั้น
เมื่อเริ่มโครงการ ชาวนาดีใจแม้จะได้จำนำจริงสูงสุดไม่เกินหมื่นสอง เมื่อถูกโรงสีเอาเปรียบก็ทนได้ เพราะอย่างน้อยได้เงินมากกว่าเดิม ไม่เคยมีคำถามสามพันบาทที่ควรเป็นของชาวนาหายไปไหน ไม่คิดถึงอนาคต นอกจากเงินที่จะได้เฉพาะหน้าด้วยการรีบปลูกข้าวเอาเข้าโครงการจำนำ ไม่คำนึงถึงคุณภาพเชื่อว่ารัฐบาลกู้เงินทำโครงการ 5 แสนล้านว่า จะทำกำไรปั่นราคาข้าวในตลาดโลกได้ อดทนต่อคำตระบัดสัตย์ของรัฐบาลซ้ำซาก จนที่สุดต้องลุกฮือขึ้นมาทวงเงินจากรัฐบาลที่เป็นลูกหนี้ชาวนาอยู่ 1.3 แสนล้านบาท
ความจริงจากชีวิตชาวนาที่ถูกทยอยตีแผ่ออกมาประจานให้สังคมไทยได้เห็น เป็นสิ่งที่คนไทยควรจะต้องตะโกนดังๆ ถามกลับไปที่ “ยิ่งลักษณ์” ว่า “เมื่อไหร่มึงจะให้ชาวนาค้าาา”
ที่สำคัญคือ ยิ่งลักษณ์ ยังท่องโครงการดี ชาวนาได้ประโยชน์ โทษการเมือง กกต. ยุบสภา กปปส. ทำให้จ่ายจำนำข้าวไม่ได้ ทั้งที่รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าโครงการนี้ทำให้คลังถังแตก ทุจริตจนไม่มีเงินจ่ายให้ชาวนา
แต่เธอกล้าที่จะพูดโกหกคำโตซ้ำๆ โดยไม่ละอายใจแม้แต่นิดเดียว จึงต้องถือว่าเป็น “มนุษย์พันธุ์พิเศษที่หน้าด้านออกสื่อได้ทุกวัน”
ยิ่งลักษณ์จะเคยรู้บ้างไหมว่า ชีวิตของชาวนาที่พร่ำท่องว่าดีขึ้นนั้น กำลังประสบชะตากรรมอย่างไร
คิดว่าเธอคงไม่รู้ จึงขออนุญาตเล่าถึงชะตากรรมของชาวนากำแพงเพชร ให้ได้รับทราบ แม้ว่าจะมีค่าเพียงแค่ “การสีซอ” ก็ตาม
ข่าวพาดหัวเรื่องชาวนาฆ่าตัวตายเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในช่วงกลางปี 2556 จนถึงต้นปี 2557 ชีวิตลำเค็ญของ ทัศนีย์ ภูนาท ชาวนาที่ได้รับผลพวงจากนโยบายพิษ ซึ่งเพิ่งปรากฏเป็นโศกนาฏกรรมให้เห็นเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 57 นี่เอง
ชีวิตของทัศนีย์ต้องเรียกได้ว่า เป็นผู้ที่กตัญญูต่อบิดามารดา เธอดูแลพ่อแลแม่ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ด้วยการทำนาเลี้ยงชีพ แต่ในวันที่แม่เธอเสียชีวิตเธอกลับไม่มีแม้กระทั่งเงินทำศพ ถึงขั้นต้องขายจักรยานยนต์ได้เงิน 2 หมื่น มาจัดพิธีศพให้แก่บุพการี
ทัศนีย์ เช่าที่ทำนากว่า 30 ไร่ เสียค่าเช่านาประมาณ 1 พันบาทต่อครั้งต่อไร่ เธอมีความหวังกับโครงการจำนำข้าวร่วมเข้าโครงการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ถูกรัฐบาลนี้เบี้ยวเงินถึง 286,446 บาท โดยต้องรอคอยอย่างไร้ความหวังมายาวนานกว่า 5 เดือน และไม่มีวี่แววที่จะได้เงินที่ตัวเองควรได้จากรัฐบาลที่ไร้ความรับผิดชอบ
ปัจจุบัน ทัศนีย์ เป็นหนี้สหกรณ์ 5 หมื่นบาท กองทุนหมู่บ้าน 3 หมื่นบาท หนี้ ธ.ก.ส. 220,000 บาท บวกกันเข้าไปแล้ว หากได้เงินจากรัฐบาลมาก็ใช้หนี้หมดตัว ไม่เหลือไว้ประทังชีวิต
นี่คือสิ่งที่ “ทักษิณคิด เจ๊ ด.รวย ยิ่งลักษณ์ทำ ชาวนาตาย”