ยะลา - ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ร่วมแถลงข่าวผลการปฏิบัติงานแก้ปัญหาความไม่สงบ เผยช่วง 3 เดือน ตาย 67 คน บาดเจ็บอีก 184 คน พร้อมชี้แจงเคอร์ฟิวไม่กระทบการประกอบศาสนกิจชาวมุสลิม ในขณะที่ผู้ว่าฯ ยะลาเรียกร้องของบสนับสนุนเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา หลังตรวจสอบพบมีราคาสูง
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พล.ต.ต. สาคร ทองมุณี รองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนายสัญชัย แพ่งนคร ปลัดอาวุโสอำเภอยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำเดือนพฤษภาคม 2557 ให้แก่สื่อมวลชน
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาวิกฤตทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ สร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ และสามารถคืนความสุขให้ประชาชน และประเทศชาติโดยเร็วที่สุด โดยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร จึงขอให้พี่น้องประชาชนมีความเข้าใจในเหตุผล และความจำเป็น และขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติอย่างเคร่งครัด สำหรับการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบศาสนกิจของพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะเข้าไปดูแล และอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจะพิจารณาใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
ด้าน พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี รองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สรุปภาพรวมสถานการณ์ และการปฏิบัติที่สำคัญว่า ในห้วงตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม-26 พฤษภาคม 2557 เกิดเหตุรวม 94 เหตุการณ์ คดีความมั่นคง 39 เหตุการณ์ เรื่องส่วนตัว 23 เหตุการณ์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 32 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 67 คน และบาดเจ็บ 184 คน โดยมีผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ คือ ปะทะผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 1 คน ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 55 คน ตรวจยึดอาวุธปืนได้ 14 กระบอก เก็บกู้วัตถุระเบิดได้ 5 ลูก จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 13 คน ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 165,200 เม็ด และชนิดอื่นๆ อีกจำนวนมาก ตรวจยึดน้ำมันเลี่ยงภาษี จำนวน 1,890 ลิตร นอกจากนี้ ได้ให้บริการทางการแพทย์ และทันตกรรมเคลื่อนที่
“ส่วนความคืบหน้าในคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด ก็กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเชื่อว่าสามารถดำเนินการออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้ในเร็ววันนี้ ส่วนกรณีเหตุระเบิด 27 จุด ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ล่าสุด ก็สามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุแล้วเช่นกัน” รองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าว
ส่วนทางด้านนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ในการปฏิบัติหน้าที่แก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนเองต้องขอเรียกร้องผ่านสื่อมวลชน ในเรื่องของเครื่องมือต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานในพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมา เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพต่างๆ มีเป็นจำนวนมาก แต่นำมาใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีราคาที่สูง จึงทำให้ไม่สามารถนำเครื่องมือเหล่านั้นมาใช้ในพื้นที่ได้ ซึ่งหากมีความเป็นไปได้อยากจะขอสนับสนุนเครื่องมือต่างๆ ในการแก้ปัญหาให้แก่พื้นที่ด้วย
“สำหรับมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ยะลานั้น ขณะนี้ได้มีการบูรณาการกำลังทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ภาคประชาชน เพื่อที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีการจัดงานกาชาดประจำปี ที่มีความเข้มข้นในมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในขั้นสูงสุด” ผวจ.ยะลา กล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความซับซ้อนกันหลายมิติ โดยมีสถิติคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน (30 เมษายน 2557) มีคดีอาญารวม 140,844 คดี เป็นคดีความมั่นคงเพียง 9,609 คดี คิดเป็นร้อยละ 6.82 ที่เหลือ 131,235 คดี เป็นคดีอาญาทั่วไป สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2557 (1 มกราคม 2557-30 เมษายน 2557) มีคดีความมั่นคง 183 คดี จากทั้งหมด 7,542 คดี คิดเป็นร้อยละ 2.43 เท่านั้น
“กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มุ่งเน้นบูรณาการกลไกแก้ปัญหาในพื้นที่ทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานด้านการพัฒนา และกลไกราชการปกติ ให้เกิดความเป็นเอกภาพขับเคลื่อนผ่านศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ สภาสันติสุขตำบล ไปสู่หมู่บ้านเป้าหมายโดยอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กำลังฝ่ายพลเรือน และกำลังภาคประชาชน เพื่อทำหมู่บ้านให้มีความเข้มแข็งที่เอื้อต่อการพัฒนาในโอกาสต่อไป” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว