นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อหารือแนวทาง รวมถึงติดตามสถานการณ์ และรับทราบการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยร่วมประชุมกับ พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นายถวิล ระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมารู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และติดตามมาโดยตลอด และการเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 4 และเชื่อมั่นในการทำงานของกองทัพ ส่วนปัญหาความไม่สงบทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทางด้านทหารต้องดำเนินการในงานด้านความมั่นคงควบคู่ไปกับฝ่ายอื่นๆ ในด้านการพัฒนา หลังจากนี้จะเข้าพบกับฝ่ายต่างๆ ในลำดับต่อไป
สำหรับประเด็นการพูดคุยสันติภาพ นายถวิล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ระบุไว้ในนโยบายความมั่นคงเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากนโยบายกำหนดไว้ชัดเจนว่า ให้สร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการแสวงหาทางออกในแนวทางสันติที่จะสงวนชีวิตผู้คนเอาไว้ เพราะฉะนั้นจะต้องเดินตามนโยบายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน และขอฝากไปยังประชาชนในพื้นที่ว่า ประชาชนเป็นภาคส่วนที่สำคัญที่จะนำไปสู่การพูดคุยเพื่อหาทางออก
นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่า นโยบายการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกกำหนดให้ทำเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 ซึ่งขณะนี้ถึงวงรอบที่จะต้องกลับมาทบทวนนโยบายที่ได้ทำไปแล้ว โดยจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบว่าเป็นนโยบายที่ได้รับการยอมรับ และยังทันสมัยสามารถนำมาใช้ได้ เพราะฉะนั้นเหลือเพียงแค่ให้หน่วยงานต่างๆ ทำงานร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
นายถวิล ระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมารู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และติดตามมาโดยตลอด และการเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 4 และเชื่อมั่นในการทำงานของกองทัพ ส่วนปัญหาความไม่สงบทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทางด้านทหารต้องดำเนินการในงานด้านความมั่นคงควบคู่ไปกับฝ่ายอื่นๆ ในด้านการพัฒนา หลังจากนี้จะเข้าพบกับฝ่ายต่างๆ ในลำดับต่อไป
สำหรับประเด็นการพูดคุยสันติภาพ นายถวิล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ระบุไว้ในนโยบายความมั่นคงเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากนโยบายกำหนดไว้ชัดเจนว่า ให้สร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการแสวงหาทางออกในแนวทางสันติที่จะสงวนชีวิตผู้คนเอาไว้ เพราะฉะนั้นจะต้องเดินตามนโยบายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน และขอฝากไปยังประชาชนในพื้นที่ว่า ประชาชนเป็นภาคส่วนที่สำคัญที่จะนำไปสู่การพูดคุยเพื่อหาทางออก
นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่า นโยบายการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกกำหนดให้ทำเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 ซึ่งขณะนี้ถึงวงรอบที่จะต้องกลับมาทบทวนนโยบายที่ได้ทำไปแล้ว โดยจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบว่าเป็นนโยบายที่ได้รับการยอมรับ และยังทันสมัยสามารถนำมาใช้ได้ เพราะฉะนั้นเหลือเพียงแค่ให้หน่วยงานต่างๆ ทำงานร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป