นครศรีธรรมราช - 9 ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ตอนบน เข้ารายงานตัวต่อแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีฯ เพื่อรับฟัง ผบ.ทบ.ชี้แจงเหตุผลการประกาศกฎอัยการศึก โดยการประชุมทางไกล แจงวิกฤตการเมืองมีคนตายไปแล้วถึง 28 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 800 ราย พร้อมประกาศต้องการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น
วันนี้ (20 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมจวน วรรณรัตน์ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในการเข้ารายงานตัวของผู้ว่าราชการจังหวัดจาก 9 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ส่วน 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ได้เข้าร่วมรายงานตัว และเข้าประชุมที่ค่ายสิรินธร จังหวัดยะลา โดยในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 9 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ได้เดินทางมาครบทุกจังหวัด พร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราชการเพื่อเข้าร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก จากสโมสรทหารบก
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกได้ชี้แจงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ถึงสาเหตุในการออกประกาศกฎอัยการศึก สืบเนื่องจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีคนตายไปแล้วถึง 28 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 800 ราย โดยการใช้ระเบิด และอาวุธสงครามร้ายแรงถึงกว่า 800 ครั้ง และอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ดังนั้น หากอยู่ในสภาพเช่นนี้ประเทศไทยจะเดินต่อไปได้อย่างยากลำบาก ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมากกว่าการจลาจล ซึ่งเพื่อสร้างความสภาวะแวดล้อมให้มีความปลอดภัย ประเทศต้องเดินไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งเรื่องการประกาศกฎอัยการศึกนี้รัฐบาลไม่เกี่ยว
“หลังจากวันที่ 20 เป็นต้นไป จะมีการใช้กฎหมายเต็มที่ ใครจะมาใช้ความรุนแรงไม่ได้อย่างเด็ดขาดซึ่งหากจับได้นั้นจะต้องขึ้นศาลทหาร สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้เศรษฐกิจ สังคม การเมืองสาหัสมาก หากยังมีการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่โดยการใช้อาวุธร้ายแรงจะมีการตอบโต้อย่างเด็ดขาด ดังนั้น การเชิญมาไม่ใช่เป็นการรายงานตัวแต่มาเพื่อร่วมกันทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ความขัดแย้ง หรือการชุมนุมต้องจบ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บางช่วงบางตอน พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงรัฐธรรมนูญว่าประเทศไทยไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร ทุกฉบับเกี่ยวข้องทั้งนั้น และมีมาตรามากที่สุด ประเทศไทยในวันนี้อยู่ได้ด้วยข้าราชการที่จะต้องเป็นหลัก นักการเมืองที่มานั้นมาแค่นโยบาย คนปฏิบัติคือ ข้าราชการที่เป็นไปตามประชาธิปไตย ข้าราชการทุกคนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าทำไม่ได้อาจจะต้องมีตัวช่วย ซึ่งนี่ผมไม่ได้ขู่ และในขณะนี้ได้มีการจัดชุดปฏิบัติการไล่ล่าทุกขบวนการที่กระทำผิดกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุในบางช่วงบางตอนอย่างติดตลกซึ่งทำให้บรรยากาศผ่อนคลายเช่นว่า “ในห้องนี้เอามั้ยผมติดอาวุธให้ทั้ง 2 ฝ่ายแล้วยิงกัน เอามั้ยผมเป็นกรรมการให้แต่อย่ายิงกรรมการซึ่งมันก็ไม่ได้” โดยเรียกเสียงฮาจากผู้เข้าร่วมประชุม หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงเรื่องการฟ้องร้องคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยหันไปถามปลัดกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการ สมช. และยังหันไปเรียกหานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ว่า “อธิบดีดีเอสไอ มาหรือไม่ ธาริตอยู่มั้ย พอได้แล้วนะ หยุดได้แล้วเละกันไปหมดแล้ว หรือถ้าจะฟ้องผมฟ้องสิมาๆ ทำให้ในที่ประชุมมีเสียงฮาลั่น ถัดจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังถามไปถึงกระทรวงมหาดไทย โดยบอกว่าไม่ต้องเอามานะกำนันผู้ใหญ่บ้าน อส.ไม่ต้องมารบผม ท่านสู้ผมไม่ได้ทหารทรหดผมเยอะ ยิ่งทำให้ที่ประชุมผ่อนคลายความตึงเครียดไปได้มาก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่าการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคใต้นั้นเพื่อสร้างความเข้าใจถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึก พร้อมกันนั้น จะต้องมีการติดตามความเคลื่อนไหวของสื่อชุมชนประเภทต่างๆ ที่แสดงออกถึงการยั่วยุ หรือส่อไปในทางละเมิดสถาบันสูงสุดของประเทศ ซึ่งหากไม่ได้รับความร่วมมือจะมีการเข้าไปดำเนินการอย่างเด็ดขาด พล.ท.วลิต กล่าว
