ตรัง - “พุฒ ล้อเหล็ก” นักมวยขิงแก่วัย 62 ปี เปิด “ค่ายล้อเหล็กยิม” ในพื้นที่ จ.ตรัง เพื่อถ่ายทอดศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้แก่เด็กและเยาวชนอายุ 6-7 ปี ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติในช่วงปิดเทอม หวังสืบทอดศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไป
วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักมวยไทยที่โด่งดังที่สุดในยุคเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว อย่าง “พุฒ ล้อเหล็ก” หรือ “ทวี พิพัฒกุล” ด้วยสถิติการชก 80 กว่าครั้ง ในช่วง 10 ปี โดยไม่เคยแพ้น็อก และไม่เคยแม้แต่โดนนับ ถือเป็นนักมวยที่มีลีลาแม่ไม้มวยไทยครบเครื่องที่สุด และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของชีวิตนักมวยไทย ด้วยการเป็นแชมป์จูเนียร์เฟเธอร์เวต (122 ปอนด์) ของเวทีลุมพินี เมื่อ พ.ศ.2514 แชมป์มวยสากลรุ่นไลต์เวต (135 ปอนด์) ของเวทีราชดำเนิน เมื่อ พ.ศ.2518 และแชมป์ประเทศไทย (มวยสากล) รุ่นไลท์เวต รวมทั้งได้เป็น 1 ใน 10 ของนักมวยไทยที่ถูกบรรจุชื่อในหอเกียรติยศ ของเวทีราชดำเนิน ส่วนผลงานที่ได้รับล่าสุดก็คือ รางวัลฮอลล์ออฟเฟม (มวย) สยามกีฬาอวอร์ดส์ ครั้งที่ 8 ซึ่งเป็นการเชิดชูเกียรติ 10 นักกีฬาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งยังอยู่ในดวงใจของชาวไทย
ด้วยชื่อเสียงของเขาที่โด่งดังในระดับประเทศ เพราะเคยต่อกรนักนักมวยดังๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน เช่น แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์, สกัด พรทวี, วิชาญน้อย พรทวี หรือสามารถ พยัคฆ์อรุณ รวมทั้งมีโอกาสไปถ่ายทอดวิชาแม่ไม้มวยไทยให้แก่ค่ายดังของปักษ์ใต้อย่าง “ใหม่ เมืองคอน” ซึ่งต่อมาชื่อของนักมวยเหล่านี้ก็กลายเป็นสุดยอดของนักมวยไทยในยุคต่อมา ไม่ว่าจะเป็น เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, โอเล่ เกียรติวันเวย์, วังจั่นน้อย ส.พลังชัย หรือราชศักดิ์ ส.วรพิน วันนี้ จึงทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้ “พุฒ ล้อเหล็ก” ในวัย 62 ปี หวนคืนกลับคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง เพื่อนำวิชาแม่ไม้มวยไทยมาเผยแพร่สู่เด็กและเยาวชน ด้วยการเปิด “ค่ายล้อเหล็กยิม” ขึ้น บริเวณอาคารพาณิชย์ ริมถนนท่ากลาง เพื่อสอนมวยไทยเป็นแห่งแรกของจังหวัดตรัง
โดยขณะนี้มีลูกศิษย์ลูกหากว่า 30 คน ที่มาร่ำเรียน ทั้งชาย-หญิง และทั้งคนไทย-ต่างชาติ นับตั้งแต่อายุ 6-7 ปี ไปจนถึง 30 ปี ซึ่งจะเปิดสอนตั้งแต่ 8 โมงเช้าไปถึงเที่ยงวัน และอีกรอบ 4 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม ถือว่ามีกระแสตอบรับถือที่ดีมาก โดยเฉพาะเด็กๆ รุ่นใหม่ ที่พ่อแม่ให้การส่งเสริมลูกมาเรียนรู้วิชามวยไทย แม้กระทั่งเด็กผู้หญิง ยิ่งในช่วงปิดเทอมยาวหลายเดือนแบบนี้ ความสนใจของเด็ก และเยาวชนจึงยิ่งมีมากขึ้น เพราะไม่ต้องมาพะวงว่าจะกระทบต่อเรื่องการเรียนหนังสือตามปกติ ซึ่ง “พุฒ ล้อเหล็ก” มองวงการมวยไทยในยุคปัจจุบันว่า มีธุรกิจหรือผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป จึงทำให้รูปแบบการชกไม่สวยงาม ขาดศิลปะ และเน้นพละกำลังมากเกินไป จนทำให้ดูน่าเบื่อ ดังนั้น เขาจึงได้ถ่ายทอดวิชาหวังสร้างมวยไทยให้กลับมาครบเครื่องอีกครั้ง
