พังงา - รองประธานสภาอุตสาหกรรม เผยผู้ประกอบการแบกภาระเพิ่มขึ้นหากขึ้นค่ากระแสไฟฟ้า ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นทำให้เสียโอกาสการแข่งขันในกลุ่มประเทศอาเซียน
วันนี้ (3 พ.ค.) นายพีระ เพชรพาณิชย์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะมีการขึ้นค่าผันแปรต้นทุนการผลิต หรือค่าเอฟที ว่า เรื่องของการปรับขึ้นค่าไฟในขณะนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยข้อเท็จจริงยังไม่ทราบว่ากระบวนการปรับขึ้นค่ากระแสไฟฟ้าของทางภาครัฐจะมีวิธีการอย่างไร แต่ทุกครั้งที่มีการขึ้นย่อมมีผลกระทบต่อการประกอบการแน่นอน ซึ่งการขึ้นค่าไฟต้องดูว่าขึ้นราคาอยู่ในอัตราไหนอยู่ในอัตราที่ผู้ประกอบการรับได้หรือเปล่า กระแสไฟฟ้าเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต
ดังนั้น หากขึ้นราคาในอัตราที่ไม่เกิดภาระมากนักคงไม่กระทบมากนัก แต่หากขึ้นในอัตราที่เป็นภาระของผู้ประกอบการโดยเฉพาะสินค้าส่งออกที่ต้องมีการแข่งขันกันในประเทศกลุ่มอาเซียนก็ตาม ประเทศในภูมิภาคก็ตาม ถ้าต้นทุนเรื่องกระแสไฟฟ้าสูงจะส่งผล เช่น นักลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยก็ต้องดูว่าอัตราค่ากระแสไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างไร และสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้หรือไม่
ในส่วนของผู้ประกอบการในประเทศไทยก็ต้องพิจารณาดูว่าค่ากระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างไรต้นทุนระหว่างในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านในสินค้าเดียวกันมีระยะห่างในต้นทุนมากน้อยอย่างไร นอกจากนี้ ในประเทศไทยที่กระทบอย่างหนักมากในเรื่องของค่าแรงตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องของค่าแรง 300 บาท ที่กระทบต่อผู้ประกอบการตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ถ้าหากได้รับผลกระทบในเรื่องต้นทุนอื่นๆ อีก เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง ก็อาจจะเกิดการเสียเปรียบกับคู่แข่งขันทางการค้าในประเทศเพื่อนบ้านของเรา
วันนี้ (3 พ.ค.) นายพีระ เพชรพาณิชย์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะมีการขึ้นค่าผันแปรต้นทุนการผลิต หรือค่าเอฟที ว่า เรื่องของการปรับขึ้นค่าไฟในขณะนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยข้อเท็จจริงยังไม่ทราบว่ากระบวนการปรับขึ้นค่ากระแสไฟฟ้าของทางภาครัฐจะมีวิธีการอย่างไร แต่ทุกครั้งที่มีการขึ้นย่อมมีผลกระทบต่อการประกอบการแน่นอน ซึ่งการขึ้นค่าไฟต้องดูว่าขึ้นราคาอยู่ในอัตราไหนอยู่ในอัตราที่ผู้ประกอบการรับได้หรือเปล่า กระแสไฟฟ้าเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต
ดังนั้น หากขึ้นราคาในอัตราที่ไม่เกิดภาระมากนักคงไม่กระทบมากนัก แต่หากขึ้นในอัตราที่เป็นภาระของผู้ประกอบการโดยเฉพาะสินค้าส่งออกที่ต้องมีการแข่งขันกันในประเทศกลุ่มอาเซียนก็ตาม ประเทศในภูมิภาคก็ตาม ถ้าต้นทุนเรื่องกระแสไฟฟ้าสูงจะส่งผล เช่น นักลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยก็ต้องดูว่าอัตราค่ากระแสไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างไร และสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้หรือไม่
ในส่วนของผู้ประกอบการในประเทศไทยก็ต้องพิจารณาดูว่าค่ากระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างไรต้นทุนระหว่างในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านในสินค้าเดียวกันมีระยะห่างในต้นทุนมากน้อยอย่างไร นอกจากนี้ ในประเทศไทยที่กระทบอย่างหนักมากในเรื่องของค่าแรงตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องของค่าแรง 300 บาท ที่กระทบต่อผู้ประกอบการตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ถ้าหากได้รับผลกระทบในเรื่องต้นทุนอื่นๆ อีก เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง ก็อาจจะเกิดการเสียเปรียบกับคู่แข่งขันทางการค้าในประเทศเพื่อนบ้านของเรา
