นราธิวาส - สถาบันสิทธิมนุษยชน และสันติศึกษา ม.มหิดล ร่วมกับนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองไม่สังกัดพรรค จัดเวทีเสวานาสันติวิธี ชี้ไฟใต้พบเป็นเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่บางคน บ่งเชื้อจุดไฟความรุนแรง จชต.
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องประชุม โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมือง จ.นราธิวาส นายโคทม อารียา สถาบันสิทธิมนุษยชน และสันติศึกษา ม.มหิดล ในฐานะผู้อำนายการในการเสวนา ได้จัดสานเสวนา เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาทางออกระหว่างนักการเมือง จ.ชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 17 ซึ่งประกอบด้วยผู้ร่วมเสวนาจากพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองไม่สังกัดพรรค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติภาพศึกษา และเจ้าหน้าที่สันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นการรับฟังและข้อเสนอแนะปัญหาทางการเมือง และความไม่สงบในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ ก่อนจะมีการแถลงการณ์ให้แก่สื่อมวลชนทุกแขนง
โดยนายนัจมุดดีน อูมา ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากเวทีเสวนา พบว่าสถิติการเสียชีวิตในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ ในห้วงระยะ ปี 2547-2554 มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยประมาณวันละ 1.5 คนต่อวัน และในปี 2555 มีผู้เสียชีวิตลดลง เฉลี่ยวันละ 0.88 คนต่อวัน และในปี 2556 มีการพูดคุยกระบวนการสันติภาพ ทำให้ปัญหาลดลง โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลทำข้อตกลงระยะสั้นทดสอบหยุดยิง กับ BRN ในเดือนรอมฎอน ผลคือปัญหาความไม่สงบลดลง แต่ปัญหาการเจรจาสันติภาพ รัฐบาลไทย และกลุ่มผู้เห็นต่างใช้ความรุนแรงในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ ต้องชะงัก และไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีการเจรจาสันติภาพ ที่ทางการมาเลเซียเป็นเจ้าภาพได้อย่างไร สาเหตุหลักเพราะการเมืองที่ กทม.ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน และ กปปส.ใช้เวทีบนถนน และปิดสถานที่ราชการ ทำให้รัฐบาลรักษาการอ่อนแอ ส่งผลบั่นทอนต่อการบริหารจัดการประเทศ แม้จะรัฐบาลจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ จ.ชายแดนภาคใต้ รัฐก็ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับเดียวกัน แต่ปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัย และผู้กระทำผิดแตกต่างกัน เป็นที่กังขาของประชาชนในพื้นที่ และจากการที่รัฐบาลยุบสภา เป็นต้นมา ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้กลับมีนัย ทวีความรุนแรงถี่ และมากขึ้น และมีความชัดเจนปัญหาความรุนแรง มีคู่กรณีใหม่นั่นคือ ปัญหาความไม่สงบไมได้เกิดจากกลุ่มขบวนการฯ จกร. หรือ ผกร. เพียงอย่างเดียว หลายปัญหา เจ้าหน้าที่รัฐตกเป็นผู้ต้องสงสัย และเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ด้วย
ด้านนายแพทย์แวมาฮาดี แวดือราแม ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จ.นราธิวาส กล่าวว่า ความจริงปัญหาความรุนแรง และเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนพัวพันปัญหาความไม่สงบ คงไม่ใช่ปัญหาเพิ่งเกิด แต่ความชัดเจนมากขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 เช่น กรณีเมื่อวันที่ 3 ก.พ.57 คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง เด็กเสียชีวิต 3 ศพ ที่บ้านปาลูกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จะมีหมายจับในเร็ววันนี้ ผลชี้เบื้องต้นเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ เหตุการณ์คนร้ายยิงผู้รับเหมา เสียชีวิต 2 ราย ที่บริเวณบ้านแกแม อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 15 ก.พ.57 โดยคนร้ายทิ้งรถยนต์กระบะในที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบสวนขยายผล พบผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยนาวิกโยธิน 1 นาย ออกหมายจับ อส. 1 นาย และจับกุมตามหมายจับ พ.ร.ก.เป็นทหารพราน 1 นาย
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ชี้ชัดว่า กระบวนการที่ทำให้เกิดความไม่สงบ และความรุนแรงไม่ใช่เฉพาะกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่พบว่าเจ้าหน้าที่บางคนมีส่วนไปรับจ้างและก่อเหตุในพื้นที่ด้วย หน่วยงานของรัฐ และฝ่ายความมั่นคงต้องทำให้เรื่องดังกล่าวชัดเจน และจะต้องนำคนผิดสู่กระบวนการลงโทษตามกฎหมาย เพื่อประชาชนจะไม่แคลงใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการแสวงหากระบวนการสันติภาพ แต่ไร้ความเป็นธรรมในพื้นที่ของเราเอง ทำยังไงก็มีคนกวนน้ำให้ขุ่นอยู่ดี แต่ตนเชื่อมั่นในการเจรจาสันติภาพ แต่ต้องทำให้ชัดเจนปัญหาต้องได้รับการแก้ไขเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ทางเวทีเสวนาได้สรุปว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือขบวนการฝ่ายเดียว กล่าวคือ ปัญหาเกิดจากการแก้แค้น การเอาคืนจากฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐจากหลายสาเหตุ ขัดแย้งส่วนตัว ผลประโยชน์ และอื่นๆ รัฐจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีปรากฏชัดเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ รัฐจะต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการสร้างสันติภาพจึงจะเกิดผล และเป็นรูปธรรมได้
