ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างสนามบินนานาชาติภูเก็ต พร้อมเร่งแก้ปัญหาการจราจรทางบก ทางน้ำ รองรับการท่องเที่ยว และ AEC ขณะที่ปัญหาอุบัติเหตุจราจรบนเขาป่าตองเตรียมแผนแก้ทั้งระยะสั้น และระยาว พร้อมผลักดันโครงการสร้างอุโมงค์เร่งทำความเข้าใจประชาชน
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานภูเก็ต นายสมชาย จันทร์รอด หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมติดตามงานหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม โดยมีนายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคภูเก็ต นายสมัคร เลือดวงหัด แขวงการทางภูเก็ต นาวาอากาศเอกกันต์พัฒน์ มังคละศิริ รองผู้อำนวยการการท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
นายสมชาย กล่าวภายหลังการประชุมว่า จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพที่พร้อมในด้านการท่องเที่ยวสอดคล้องกับการจะเข้าสู่ AEC ในปี 2558 คิดว่าโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวจะต้องได้รับการพัฒนา กระทรวงคมนาคม จึงเร่งรัด และติดตามในส่วนของการคมนาคมทางบก เนื่องการมีการก่อสร้างถนนเป็นระยะเวลานาน เลยมาติดตามเร่งรัดว่าเราควรที่จะมีแผนแม่บท รวบรวมโครงการก่อสร้างทางถนนทั้งหมดให้บูรณาการร่วมกัน เพื่อเป้าหมายสำคัญ เนื่องจากเมื่อมีการสร้างถนนแต่ละครั้งจะเกิดจุดตัดขึ้น ทำให้ปัญหาการจราจรทางถนนในจังหวัดภูเก็ตติดขัดมาก
จากเดิมคนที่เดินทางจากในเมืองมาสนามบินภูเก็ตใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แต่ปัจจุบันใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง คิดว่าแผนแม่บทนี้เมื่อทำสำเร็จตามโครงการ ซึ่งมีแผนระยะสั้น 3 ปี และจะจบที่แผน 10 ปี จะทำให้การจราจรในจังหวัดภูเก็ตคล่องตัวขึ้น โดยให้ฝ่ายว่าจ้างโครงการประเมินเพื่อเป็นตัวชี้วัดอีกทางหนึ่ง
ส่วนคมนาคมทางน้ำ ได้พัฒนาบูรณาการท่าเรือต่างๆ ในทะเลอันดามัน โดยเฉพาะหลายจังหวัดในโซนที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามได้กลับมาใช้ประโยชน์ มีเรือท่องเที่ยว มีเรือสำราญมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ การให้บริการ ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานความปลอดภัย รวมทั้งเราสามารถควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติได้ เพราะฉะนั้นทางเจ้าท่ามีการรายงานว่าจะมีโครงการที่จะพัฒนาท่าเรือต่างๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ เรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวในทะเลอันดามันรอบหลายๆ จังหวัด
นอกจากนี้ นายสมชาย ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างขยายสนามบินภูเก็ต ว่า เนื่องจากท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนมากเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยปีที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านคน แต่โครงการที่มีการขยายสามารถรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวได้ต่อปีถึง 12.5 ล้านกว่าคน โดยโครงการจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2558 และยังมีอีกหลายโครงการที่ยังชะลอตัวอยู่ เนื่องจากพื้นที่มีการก่อสร้างที่จะต้องส่งมอบล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผน
อย่างไรก็ตาม คิดว่าจะแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีข้อติดขัดในเรื่องของระบบบริการที่เกี่ยวเนื่องเช่น ระบบน้ำมัน เมื่อเครื่องบินที่มีมากขึ้น ระบบการเติมน้ำมันก็ต้องรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ระบบบริการผู้โดยสารโดยเฉพาะบริการที่เกี่ยวเนื่องรถโดยสารต่างๆ ให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น เลยให้ทางขนส่งทางบกเข้ามาร่วมแก้ไข สำหรับปริมาณจราจรมีความความถี่ในบางช่วง และเพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไข โดยพิจารณาจัดตารางเที่ยวบินให้เหมาะสม และเป็นประโยชน์ ก็จะทำให้เราสามารถรองรับเที่ยวบินให้คุ้มค่าต่อการลงทุน และพัฒนาไป
นายสมชาย ยังได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาจราจรทางบก โดยเฉพาะทางขึ้นลงเขาป่าตอง ซึ่งเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะรถขนาดใหญ่ และรถบัสนักท่องเที่ยว เนื่องจากทางลาดชันด้านจราจรติดขัดมาก และเมื่อรถติดขัดแล้ว อุปกรณ์เบรก โดยเฉพาะหม้อลมจะมีปัญหาขึ้นมาก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไข ระยะแรก กรมทางหลวงจะขยายเส้นทาง แล้วจะประสานกับผู้ควบคุมจราจรทำให้เส้นทางเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น ไม่ให้รถจอดรอนาน เมื่อรถติดจะทำให้มีปัญหาในระบบเบรก ส่วนระยะที่สอง คือ การก่อสร้างอุโมงค์ ซึ่งในขณะนี้ต่างประเทศมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะไม่ทำให้ธรรมชาติเสียหาย โดยจะมีการเจาะภูเขาเข้าไปเลย จะไม่ทำให้ภูเขามีความเสียหายมาก โดยจะมีการศึกษา และวางแผนแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2557 แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดในตอนนี้คือ เรื่องที่ดิน ต้องมีการซื้อ และเวนคืน และผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนที่อยู่บริเวณทางก่อสร้าง
แต่อย่างไรก็ดี หากมีการก่อสร้างก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยเมื่อเกิดภัยพิบัติ หรืออุทกภัย รวมทั้งเป็นช่องทางที่ทำให้ประชาชนสามารถอพยพบออกจากพื้นที่อันตรายได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ จากการทำประชาพิจารณ์ ชาวบ้านก็ให้การตอบรับที่ดี จึงได้พยายามย้ำว่าให้ทำความเข้าใจให้เป็นลำดับ สำหรับในส่วนของงบประมาณ เบื้องต้นในการขุดเจาะอุโมงค์ วงเงินประมาณ 9,000 กว่าล้านบาท แต่ขณะนี้ปัญหาไม่ใช่เป็นเรื่องของงบประมาณ แต่ปัญหาที่สำคัญคือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประชาชน และภาพรวมของภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตเสียไป โดยทางฝ่ายแผนงานได้รับไปดำเนินการต่อ
ส่วนที่ย้ำที่สุดคือ บริการที่เป็นปัจจัยทั่วไปของภูเก็ต ตอนนี้ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ว่ามีข้อคิดเห็น ทำอย่างไรให้เกิดการแลกเปลี่ยนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยทางเราก็ควรจะมีบริการที่ย้อนกลับเพื่อให้เกิดการทัดเทียม ทั้งการขนส่งทางบก การขนส่งทางอากาศ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนการขนส่งระหว่างประเทศ จนเกิดดุลยภาพมากขึ้น
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานภูเก็ต นายสมชาย จันทร์รอด หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมติดตามงานหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม โดยมีนายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคภูเก็ต นายสมัคร เลือดวงหัด แขวงการทางภูเก็ต นาวาอากาศเอกกันต์พัฒน์ มังคละศิริ รองผู้อำนวยการการท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
นายสมชาย กล่าวภายหลังการประชุมว่า จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพที่พร้อมในด้านการท่องเที่ยวสอดคล้องกับการจะเข้าสู่ AEC ในปี 2558 คิดว่าโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวจะต้องได้รับการพัฒนา กระทรวงคมนาคม จึงเร่งรัด และติดตามในส่วนของการคมนาคมทางบก เนื่องการมีการก่อสร้างถนนเป็นระยะเวลานาน เลยมาติดตามเร่งรัดว่าเราควรที่จะมีแผนแม่บท รวบรวมโครงการก่อสร้างทางถนนทั้งหมดให้บูรณาการร่วมกัน เพื่อเป้าหมายสำคัญ เนื่องจากเมื่อมีการสร้างถนนแต่ละครั้งจะเกิดจุดตัดขึ้น ทำให้ปัญหาการจราจรทางถนนในจังหวัดภูเก็ตติดขัดมาก
จากเดิมคนที่เดินทางจากในเมืองมาสนามบินภูเก็ตใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แต่ปัจจุบันใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง คิดว่าแผนแม่บทนี้เมื่อทำสำเร็จตามโครงการ ซึ่งมีแผนระยะสั้น 3 ปี และจะจบที่แผน 10 ปี จะทำให้การจราจรในจังหวัดภูเก็ตคล่องตัวขึ้น โดยให้ฝ่ายว่าจ้างโครงการประเมินเพื่อเป็นตัวชี้วัดอีกทางหนึ่ง
ส่วนคมนาคมทางน้ำ ได้พัฒนาบูรณาการท่าเรือต่างๆ ในทะเลอันดามัน โดยเฉพาะหลายจังหวัดในโซนที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามได้กลับมาใช้ประโยชน์ มีเรือท่องเที่ยว มีเรือสำราญมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ การให้บริการ ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานความปลอดภัย รวมทั้งเราสามารถควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติได้ เพราะฉะนั้นทางเจ้าท่ามีการรายงานว่าจะมีโครงการที่จะพัฒนาท่าเรือต่างๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ เรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวในทะเลอันดามันรอบหลายๆ จังหวัด
นอกจากนี้ นายสมชาย ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างขยายสนามบินภูเก็ต ว่า เนื่องจากท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนมากเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยปีที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านคน แต่โครงการที่มีการขยายสามารถรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวได้ต่อปีถึง 12.5 ล้านกว่าคน โดยโครงการจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2558 และยังมีอีกหลายโครงการที่ยังชะลอตัวอยู่ เนื่องจากพื้นที่มีการก่อสร้างที่จะต้องส่งมอบล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผน
อย่างไรก็ตาม คิดว่าจะแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีข้อติดขัดในเรื่องของระบบบริการที่เกี่ยวเนื่องเช่น ระบบน้ำมัน เมื่อเครื่องบินที่มีมากขึ้น ระบบการเติมน้ำมันก็ต้องรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ระบบบริการผู้โดยสารโดยเฉพาะบริการที่เกี่ยวเนื่องรถโดยสารต่างๆ ให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น เลยให้ทางขนส่งทางบกเข้ามาร่วมแก้ไข สำหรับปริมาณจราจรมีความความถี่ในบางช่วง และเพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไข โดยพิจารณาจัดตารางเที่ยวบินให้เหมาะสม และเป็นประโยชน์ ก็จะทำให้เราสามารถรองรับเที่ยวบินให้คุ้มค่าต่อการลงทุน และพัฒนาไป
นายสมชาย ยังได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาจราจรทางบก โดยเฉพาะทางขึ้นลงเขาป่าตอง ซึ่งเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะรถขนาดใหญ่ และรถบัสนักท่องเที่ยว เนื่องจากทางลาดชันด้านจราจรติดขัดมาก และเมื่อรถติดขัดแล้ว อุปกรณ์เบรก โดยเฉพาะหม้อลมจะมีปัญหาขึ้นมาก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไข ระยะแรก กรมทางหลวงจะขยายเส้นทาง แล้วจะประสานกับผู้ควบคุมจราจรทำให้เส้นทางเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น ไม่ให้รถจอดรอนาน เมื่อรถติดจะทำให้มีปัญหาในระบบเบรก ส่วนระยะที่สอง คือ การก่อสร้างอุโมงค์ ซึ่งในขณะนี้ต่างประเทศมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะไม่ทำให้ธรรมชาติเสียหาย โดยจะมีการเจาะภูเขาเข้าไปเลย จะไม่ทำให้ภูเขามีความเสียหายมาก โดยจะมีการศึกษา และวางแผนแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2557 แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดในตอนนี้คือ เรื่องที่ดิน ต้องมีการซื้อ และเวนคืน และผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนที่อยู่บริเวณทางก่อสร้าง
แต่อย่างไรก็ดี หากมีการก่อสร้างก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยเมื่อเกิดภัยพิบัติ หรืออุทกภัย รวมทั้งเป็นช่องทางที่ทำให้ประชาชนสามารถอพยพบออกจากพื้นที่อันตรายได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ จากการทำประชาพิจารณ์ ชาวบ้านก็ให้การตอบรับที่ดี จึงได้พยายามย้ำว่าให้ทำความเข้าใจให้เป็นลำดับ สำหรับในส่วนของงบประมาณ เบื้องต้นในการขุดเจาะอุโมงค์ วงเงินประมาณ 9,000 กว่าล้านบาท แต่ขณะนี้ปัญหาไม่ใช่เป็นเรื่องของงบประมาณ แต่ปัญหาที่สำคัญคือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประชาชน และภาพรวมของภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตเสียไป โดยทางฝ่ายแผนงานได้รับไปดำเนินการต่อ
ส่วนที่ย้ำที่สุดคือ บริการที่เป็นปัจจัยทั่วไปของภูเก็ต ตอนนี้ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ว่ามีข้อคิดเห็น ทำอย่างไรให้เกิดการแลกเปลี่ยนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยทางเราก็ควรจะมีบริการที่ย้อนกลับเพื่อให้เกิดการทัดเทียม ทั้งการขนส่งทางบก การขนส่งทางอากาศ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนการขนส่งระหว่างประเทศ จนเกิดดุลยภาพมากขึ้น