เรื่อง/ภาพ : ทรงวุฒิ พัฒแก้ว
บนเนื้อที่ 12,000 ไร่ ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ภายใน 2 ปีถูกรุกทำไร่เลื่อนลอยเพื่อปลูกแตงโมนับพันไร่ อ้างเพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการตั้งมหาวิทยาลัยเข้ามาดำเนินการ
ปมปัญหาการถางป่าถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายนานเกือบ 2 ปี ไม่มีคำตอบจากฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย จนพื้นที่ป่าท้องถิ่นดั้งเดิมถูกบุกรุกเกือบหมด และคนที่ออกมาตั้งคำถามถูกข่มขู่คุกคาม
วันนี้คือ 18 กุมภาพันธ์ 2557 นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ซึ่งเป็นนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ออกมาตั้งคำถามต่ออธิการบดี และตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2556 เขาได้ให้ข้อมูลว่า...
“หลังจากออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ถูกคุกคาม และสันนิษฐานว่านี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่มีใครกล้าแตะ และออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับการโค่นป่าทำไร่แตงโมในมหาวิทยาลัย”
เมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) หลังจากได้รับโทรศัพท์จากนักศึกษารุ่นน้อง นายประสิทธิ์ชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“ถึงพี่...ที่เคารพ...พี่ไม่ต้องไปบอกใครต่อใครว่าอย่ามาเข้าร่วมกับผม เพราะผมกำลังจะถูกยิงหัว...กรุณาติดตามสิ่งที่พวกเราเคลื่อนไหว เจตนารมณ์ชัดเจน และบอกให้แก้ปัญหากันมาเป็นปีแล้ว ยังทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก...ผมจะบอกพี่ว่าถ้าลงมือใช้ความรุนแรง ผลที่ตามมาชีวิตพี่ทั้งชีวิตก็รับไว้ไม่ได้ครับ”
สืบเนื่องจากเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา กระแสการโค่นป่าทำไร่แตงโมถูกตั้งคำถามจากนักศึกษา ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง และกลายเป็นประเด็นเผยแพร่สู่สังคมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพื้นที่บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยกำลังจะจัดตั้งศูนย์การแพทย์ มีการปรับพื้นที่ และเผาป่าจนควันไฟกระจายไปในมหาวิทยาลัย และชุมชนใกล้เคียง จึงถูกตั้งคำถามว่า จะกลายเป็นไร่แตงโมก่อนหรือไม่ เพราะถัดจากพื้นที่จัดตั้งศูนย์การแพทย์เพียง 100 เมตร จนถึงวงเวียนหน้าอาคารบริหาร พื้นที่ด้านซ้ายมือกลายเป็นไร่แตงโมตลอดแนวยาวถนน และอีกหลายๆ พื้นที่ในมหาวิทยาลัย
จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีพื้นที่ถูกบุกรุกทำไร่แตงโมแปลงใหญ่หลายแปลงก่อนหน้านี้คือ 1.ปากทางเข้ามหาวิทยาลัยจนถึงวงเวียน 2.หลังอาคารนวัตกรรม ตรงข้ามบ้านพักรับรอง (ซึ่งอยู่ใจกลางมหาวิทยาลัย) 3.พื้นที่ข้างโบราณสถานตุมปัง ตรงข้ามศูนย์กีฬาและสุขภาพ 4.บริเวณรายรอบสระน้ำด้านหลังมหาวิทยาลัย และมีแปลงเล็กๆ กระจายทั่วไปบริเวณพื้นที่ในมหาวิทยาลัย
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 สมาคมศิษย์เก่าฯ ได้ยื่นหนังสือถึงอธิการบดี โดยตั้งคำถามหลัก 4 เรื่อง คือ
1.มหาวิทยาลัยจัดทำแผนและผังการใช้ประโยชน์เสร็จสิ้นแล้วหรือไม่
2.มีคำสั่ง หรือแผนการใดที่ระบุให้มีการตัดต้นไม้ และทำลายระบบนิเวศป่าพื้นเมือง
3.เหตุผล และข้ออ้างที่บอกว่าจะช่วยชุมชนนั้น การช่วยชุมชนคือ การตัดป่าใช่หรือไม่ ชาวบ้านที่ช่วยเป็นกลุ่มไหน ใครที่รับประโยชน์ และทำไมต้องเป็นแตงโม
4.ระบบบริหาร สั่งการ ควบคุมเป็นอยู่อย่างไร จึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
หลังจากนั้น มีผู้บริหารนัดคุยกับตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าฯ ซึ่งขณะนั้นเครื่องจักรกำลังปรับพื้นที่บริเวณวงเวียนปากทางเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากการพุดคุยได้มีการหยุดไถชั่วคราว และเรื่องหายเงียบไป จนวันนี้แปลงดังกล่าวได้กลายเป็นพื้นที่ปลูกแตงโมขนาดใหญ่ และอยู่ใกล้อาคารบริหารเพียงไม่กี่ร้อยเมตร และพื้นที่รอบสระน้ำมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสระที่ใช้น้ำอุปโภคก็ถูกบุกรุกเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน
พรุ่งนี้วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 14.00 น. กลุ่มนักศึกษา บุคลากร อาจารย์ และสมาคมศิษย์เก่า จะไปยื่นหนังสือถึงอธิการบดีอีกครั้งหนึ่ง เพื่อติดตาม และแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว รวมทั้งการข่มขู่ คุกคามกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป