xs
xsm
sm
md
lg

สปต.จี้ กอ.รมน.ภ.4 สน.เร่งคลี่คดีฆ่าเด็กนราฯ 3 ศพ ป้องชาวไทยพุทธที่ตกเป็นเหยื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สปต.จี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ศชต. เร่งคลี่คดีฆ่าเด็ก 3 ศพที่ จ.นราธิวาส เพื่อป้องกันชาวไทยพุทธในพื้นที่ที่กลายเป็น “เหยื่อ” สถานการณ์แล้วถึง 10 ศพ เชื่อยิงกราดพระ และชาวบ้านเจ็บตาย 10 ราย ฝีมือ “มะยาโก๊ ลาเต๊ะ”

วันนี้ (15 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มีการประชุมสมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหาร และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้(สปต.) โดยมีนายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานในที่ประชุม โดยมี พล.ต.ปราการ ชลยุทธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และรอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รอง เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี รอง ผบช.ศชต. และ ผอ.สำนักกองต่างๆ ของ ศอ.บต. เข้าร่วมประชุมหน่วยงานความมั่นคงเข้าร่วมประชุม เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สปต.จากภาคส่วนหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ได้ตั้งกระทู้ถาม แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ถึงสถานการณ์ความรุนแรง และการแก้ปัญหาการคุ้มครองชาวไทยพุทธที่ถูกแนวร่วมทำร้ายจนเสียชีวิตแล้วถึง 10 ราย ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ และความคืบหน้าในคดีคนร้ายฆ่าล้างครัวของนายเจะมุ มะมัน แนวร่วมกลุ่มก่อการร้าย จนเป็นเหตุให้แนวร่วมใช้เป็นเงื่อนไขในการทำร้ายชาวไทยพุทธ

“มีชาวไทยพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ฆ่าแล้วเผา น.ส.เบ็ญจพร เกื้อตุ้ง และ น.ส.ศยามล แซ่ลิ่ม ที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และการกราดยิงพระภิกษุ และลูกเมียตำรวจ และชาวไทยพุทธที่รอใส่บาตรพระที่บ้านศาลาใหม่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้พระ และชาวไทยพุทธเสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บอีก 7 ราย และแนวร่วมยังได้ทิ้งใบปลิวข่มขู่ว่า เป็นการแก้แค้นที่มีการฆ่าเด็ก 3 ศพ ที่ อ.บาเจาะ และมีการปล่อยข่าวว่า จะต้องฆ่าคนไทยพุทธในพื้นที่ 100 ศพ เพื่อเป็นการล้างแค้น”

พล.ต.ปราการ กล่าวว่า การฆ่าเด็กที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส คนในพื้นที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ในขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงจากตำรวจ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมในการให้ความร่วมมือกับตำรวจ หากการสอบสวนพบว่ามีคนของ กอ.รมน.เข้าไปเกี่ยวข้อง ก็พร้อมที่จะให้ดำเนินคดี เพื่อความถูกต้อง เป็นธรรม และความสบายใจของประชาชนในพื้นที่

แต่ขอให้ประชาชนอย่างเพิ่งตัดสินใจเชื่อตามกระแสข่าวของแนวร่วมที่ใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเครื่องมือ เงื่อนไขในการปลุกระดม เพราะนายเจะมุ พ่อของเด็กทั้ง 3 ที่เสียชีวิต เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบหลายครั้ง ทั้งในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส อาจจะทำให้ญาติ พี่น้องของผู้ถูกกระทำต้องการแก้แค้นก็ได้ จึงขอให้ สปต.ช่วยสร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน และทำหน้าที่หาข้อเท็จจริงคู่ขนานกับเจ้าหน้าที่ เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบข้อเท็จจริงหาคนผิดมาลงโทษ

“ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีผู้หลงผิดที่ถูกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และผู้ที่พ้นคดีโดยที่ศาลสั่งไม่ฟ้อง 70 คน และถูกฆ่าไปแล้ว 30 คน นั้น เชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อมิให้ผู้หลงผิดเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากโครงการพาคนกลับบ้านของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้านั้น มีผู้เข้ารายงานตัวกว่า 1,000 คน ไม่ใช่มีเพียง 70 คน แต่หากผู้ที่พ้นจากหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ้นจากขบวนการของศาล ต้องการให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย กองทัพพร้อมที่จะคุ้มครองให้ทุกคน”

พล.ต.ปราการ กล่าวว่า การดูแลกลุ่มคนไทยพุทธ ซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า มีแผนปฏิบัติการอยู่แล้วในทุกพื้นที่ แต่เมื่อเกิดเหตุติดๆ กันเกิดขึ้นอีกจะมีการปรับวิธีการอุดช่องว่าง และร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยให้มากกว่าเดิม รวมทั้งการติดตาม กดดัน จับกุมแนวร่วมในพื้นที่ เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชน ทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม

พล.ต.ต.สาคร กว่าวว่า ความคืบหน้าในคดีการฆ่าเด็ก 3 ศพ ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จนกลายเป็นเงื่อนไขให้แนวร่วมกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และตอบโต้ด้วยการฆ่าชาวไทยพุทธไปแล้ว 10 คนนั้น ในการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและคนร้ายขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดย ศชต. ขอเวลาในการสืบสวนสอบสวนอีกไม่เกิน 20 วัน ก่อนที่จะสรุปสำนวน ในเบื้องต้นจากการพิสูจน์ วัตถุพยาน พบว่าปลอกกระสุนปืนที่พบในที่เกิดเหตุ ปืนที่คนร้ายใช้ไม่เคยมีประวัติในการก่อเหตุ แม้ว่าในการก่อเหตุจะไม่มีประจักษ์พยาน แต่เจ้าหน้าที่มีเบาะแส และพยานแวดล้อมเพียงพอในการคลี่คลายคดี

สำหรับคดีฆ่าแล้วเผาผู้หญิงในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทั้ง 2 ราย และการฆ่าพระ และประชาชนชาวไทยพุทธในอำเภอแม่ลาน จ.ปัตตานี สรุปได้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่เพื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนในพื้นที่

“การคุ้มครองพระ และชาวไทยพุทธนั้นมีการจัดกำลังร่วมกับทหาร เพื่อคุ้มครองพระที่ออกบิณฑบาตมาโดยตลอด สำหรับ อ.แม่ลานนั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัย การคุ้มครองพระ และประชาชนชาวไทยพุทธจึงค่อนข้างจะไม่เข้มงวด ทำให้แนวร่วมฉวยโอกาสกระทำต่อเป้าหมายอ่อนแอในครั้งนี้ ซึ่งหลังเกิดเหตุจะต้องมีการปรับแผนการดูแลพระ และพี่น้องชาวไทยพุทธอีกครั้งหนึ่ง” พล.ต.ต.สาคร กล่าว

นายไชยยงค์ กล่าวว่า ได้ให้ข้อสังเกตว่าการแก้แค้นของแนวร่วมทุกครั้งที่เกิดความสูญเสียต่อพี่น้องที่เป็นมุสลิม ซึ่งไม่ว่าเกิดขึ้นที่จังหวัดไหน แต่พื้นที่มีการแก้แค้นจะเกิดขึ้นที่ จ.ปัตตานี ทุกครั้ง แสดงให้เห็นว่าแนวร่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี มีความเข้มแข็ง ซึ่ง กอ.รมน.ต้องมีมาตรการในการยับยั้ง หรือมีแผนเชิงรุก เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดกับชาวไทยพุทธในพื้นที่ ตลอดจนต้องมีการสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ให้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะต้องแก้ปัญหาในส่วนของโซเชียล เน็ตเวิร์กที่ใช้ข้อมูลที่ยังไม่ถูกต้อง สร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชน รวมทั้งการให้ข้อเท็จจริงแก่ชาวไทยพุทธ เพื่อให้สามารถป้องกันตนเอง และไม่ใช้หลงกลเดินตามเงื่อนไขของแนวร่วม จนกลายเป็นความขัดแย้งของประชาชนชาวไทยพุทธ และไทยมุสลิมเกิดขึ้น ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของขบวนการ

แหล่งข่าวหน่วยความมั่นคงชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยิงพระมรณภาพ 1 รูป ชาวบ้าน 3 ศพ และบาดเจ็บ 7 คน ที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี คาดว่าเป็นกลุ่มของนายมะยาโก๊ะ ลาเต๊ะ ซึ่งมีกำลัง 5-6 คน เคลื่อนไหวตามรอยต่อ อ.แม่ลาน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อย่างไรก็ตาม ก็ต้องตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนปืน ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอที่พบในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบมาเทียบเคียงกับคดีอื่นๆ ก่อนที่จะสามารถสรุปได้
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น