คอลัมน์ : แกะสะเก็ด
โดย...ประเสริฐ เฟื่องฟู
ภูเก็ต เป็นเกาะที่ใหญ่สุดของไทย ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะหาดทราย ชายทะเล เกาะแก่ง และมีความสงบร่มแย็นตั้งแต่อดีตกาล ได้ฉายาเป็น “ไข่มุกอันดามัน” เมืองท่องเที่ยวของเอเชียที่ติดอันดับโลก
แต่ปัจจุบันกลับวิกฤตจากการกระทำของผู้ประกอบการที่เห็นแก่ตัว ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ทำลายการท่องเที่ยวด้วยการกอบโกยอย่างไม่เป็นธรรม เข้าลักษณะ
ทุบหม้อข้าวตัวเอง
ปัจจุบัน ณ วันนี้ กำลังอยู่ระหว่างแก้ไข รักษาเยียวยากอบกู้ภาพลักษณ์ให้กลับคืนมา โดยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น และองค์การเอกชนที่หากินกับธุรกิจท่องเที่ยวโดยสุจริต ต่างหาวิธีการกำจัดอัปรีย์ชนกลุ่มนี้
มาตรการภาครัฐ กฎหมายบ้านเมืองเราโบราณ ตามโลกปัจจุบันไม่ทัน ขาดการทบทวน โทษเบา แค่ปราม ปรับไม่เต็มอัตรา หรือสูงสุด โทษจำส่วนใหญ่ถูกละเว้น เพราะเป็นแค่ลหุโทษ ไม่ใช่โทษฉกรรจ์ หรือบางกรณีคดีไม่ถึงศาล
ตัดสินโทษปรับกันที่ศาลเตี้ย
ยกตัวอย่างอีกที มาตรการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เอา DSI หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษของ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” มาขู่บรรดามาเฟีย อัปรีย์ชนที่ภูเก็ต แต่ไม่มีใครกลัว โดยเฉพาะแท็กซี่ป้ายดำ ทั้งเจ้าหน้าที่ DSI เองกลับมาสร้างปัญหาร่วมือกับผู้มีอิทธิพลรังแกผู้ประกอบการเสียเอง
อีกหน่วยงานคือ ชุดเฉพาะกิจจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ของ สตช.ภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ในฐานะ ผอ.ศูนย์ฯ ที่ร่วมกับคณะอนุกรรมการศึกษาเรื่องราวร้องทุกข์ด้านการท่องเที่ยว และปัญหาด้านความปลอดภัย ภาพลักษณ์ ท่องเที่ยวอื่นๆ ในคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ เป็นประธาน ที่ตั้งขึ้นมาทำงานในเรื่องเดียวกัน ดูจะครอบคลุมมากกว่า
แค่ปฏิบัติการ 40 วัน ต่างเบิกเบี้ยเลี้ยงกินกันอิ่มหมีพีมัน
แล้วสรุปแถลงผลงานที่กองกำกับการตำรวจภูธรภูเก็ต สร้างภาพสวยหรู ปฏิบัติการปราบมิจฉาชีพ สิบแปดมงกุฎเรียบวุธทุกแหล่งท่องเที่ยว ตั้งแต่เรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ หลอกลวง ต้มตุ๋น ข่มขู่ ปล้นจี้ ละเมิดทางเพศ หรืออาชญากรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ชนิดถอนรากถอนโคน แล้วแยกย้ายกันกลับกรมกอง
ทัวร์ศูนย์เหรียญ 18 มงกุฎ จิวเวลรีหลอกลวง ต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว และปัญหาต่างๆ ได้รับการร้องเรียน ทิ่มแทงหัวใจธุรกิจท่องเที่ยว มาสิบกว่ายี่สิบปี แก้ไขกันไม่สำเร็จ นี่ใช้เวลาแค่ 40 วัน กวาดเรียบวุธ ปาฏิหาริย์จริงๆ เป็นไปได้ยังไง
แหล... ทั้ง 2 ชุด
ต่างสร้างภาพ ทำรายงานแจ้งเท็จหลอกสถานทูตต่างๆ ที่คอมเพลนทักท้วงเรื่องการเอารัดเอาเปรียบ ทั้งโฆษณาชวนเชื่อหลอกตลาดท่องเที่ยว หลอกลูกค้า ตอแหลแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี และผู้บังคับบัญชางี่เง่าของตัวเอง ที่ฝันหวานตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวไว้เลิศลอยถึง 2 ล้านล้านบาทในปี 2558
หลอกคนอื่นคนไกล และเจ้านายที่อยู่บนหอคอยนั้นหลอกได้ แต่หลอกประชาชนในพื้นที่ท่องเที่ยว ที่สัมผัสความเป็นจริงนั้น อย่าหลอกเลย
ครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะของ “สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์” รัฐมนตรีท่องเที่ยว ได้ลงพื้นที่ภูเก็ตอีกครั้งเพื่อดูความคืบหน้าของการแก้ปัญหาของหน่วยงานต่างๆ ที่ตั้งขึ้นให้รับผิดชอบ อย่างเช่น ศป.อท. และตามดูพฤติกรรมของกลุ่ม หรือผู้ที่เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งล่าสุดนี้ถึงกับเปรยออกมาว่า
การลงพื้นที่ทุกครั้ง ข่าวรั่วทุกที ทำให้การทำงานไม่ได้ผล ก็ดันยกไปเป็นกองทัพนี่
ลองปิดข่าวทั้งที่บ้าน และที่กระทรวงฯ โดยบินเดี่ยวหิ้วกิ๊กไปฮันนีมูน ลงเครื่องขึ้นแท็กซี่ป้ายดำ ทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป แล้วแจ้งจุดหมายปลายทางไปโรงแรมแถวป่าตอง หรือกะตะ กะรน จะรู้ว่า ภูเก็ตผีมีจริง ไม่ใช่ข่าวเล่าลือ
โฟกัสกลับมาดูบทบาทการสร้างภาพของจังหวัดภูเก็ต ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด “ไมตรี อินทุสุต” รับบททั้งพระเอก และเป็นผู้กำกับ ที่กำกับตัวเองพร้อมคณะ ต่างแสดงได้สุดยอดในทุกเรื่องทุกบทบาท ถ้าประกวดก็คงได้ตุ๊กตาทองเป็นเข่ง
ตั้งแต่การโชว์ฝีปากวาทะการตลาด โฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อ ในเรื่องตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่ผ่านทางสนามบินภูเก็ต ในปีงบประมาณ 2556 จากวันที่ 1 ตุลาคม 2555-วันที่ 30 กันยายน 2556 มีมากถึง 10,975,000 คน เช็กยอดจากโรงแรมต่างๆ พบว่า มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอดจองห้องแถวชายหาดอยู่ที่ 85% ส่วนโรงแรมในเมืองยอดจองอยู่ที่ประมาณ 70% ขึ้น
แล้วสรุปสิ้นปีก็คงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 11 ล้านคนแน่นอน
ทางท่าอากาศยานภูเก็ต ได้เร่งมือจี้ผู้รับเหมาสร้างหลุมจอด 5 หลุม รับสายการบินที่ทะลักเข้า พร้อมกับอาคารที่จอดรถยนต์ จุดเช็กอินให้ทันไฮซีซันนี้
ส่วนจังหวัดภูเก็ต ต้องเตรียมความพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวทุกด้าน ทั้งเรื่องของการอำนวยความสะดวก เรื่องของการบริการ เรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเรื่องของการดูแลรักษาพยาบาล โดยผู้ว่าฯ จะลงไปดูด้วยตัวเอง
เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกผู้ประกอบการ 3 ชาติเจ้าปัญหา ทั้งรัสเซีย เกาหลี และจีน มาทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายไทยที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก่อนรับอนุญาต ย้ำต้องเข้มในกฎ และอยู่ในกรอบ ห้ามออกนอกลู่นอกทาง
ด้านการคมนาคม ถนนหนทาง เรื่องนี้เป็นการแก้ที่ยังแก้ไม่ตก หรือแก้ไม่ได้ เพราะหลายเส้นทางอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รถยนต์ยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ จากนโยบายห่วยแตก “คืนภาษีรถคันแรก” เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย หนี้สินให้ประชาชนของรัฐบาล ทั้งที่ยังขาดความพร้อม ทั้งถนน รวมพื้นที่จอดรถมีจำกัด เดือดร้อนกันทุกจังหวัด
เรื่องนี้สร้างภาพยาก ต้องใช้เวลา แต่กรุงเทพฯ ได้มาตรการแล้ว ลงทุนสร้างรถยก ยกรถที่จอดในที่ห้ามจอด เอาไปเก็บ ไม่เว้นแม้รถบรรทุก 10 ล้อ เจ้าของต้องจ่ายทั้งค่าปรับ ค่ารถยก ค่าเก็บรักษา แต่ภูเก็ต และอีกหลายจังหวัดทำยาก เพราะตำรวจภูธรขี้เกรงใจ ทั้งคนภูเก็ตเองก็ชอบขอ ชอบฝากใบสั่งจนเป็นนิสัย
ที่ภูเก็ตโดยเฉพาะคนมีเงิน มีอันจะกิน มักไม่ชอบเสียค่าปรับ
ส่วนรถยนต์บริการทั้งแท็กซี่สารพัดป้าย ทั้งของมาเฟีย และไม่ใช่มาเฟีย ก็ยังแก้กันไม่ได้ แต่กระนั้นผู้ว่าฯ รับบทเป็นพระเอกแสดงบทรักหวานจ๋อย จูบปากอี๋อ๋อกับ “ตุ๊กตุ๊กแดงป้าย 30” ที่ยึดครองป่าตอง ทั้งถนนหนทางเป็นของตัวเอง ไม่ต่างจากกลุ่มรถเช่า พิสูจน์ได้ด้วยสายตาคนทั่วไป
รถภายนอกไม่ต้องจอด ซี้ซั้วจอดยางแฟบ หรือไม่ก็สีรถถลอก บอกลักษณะว่าถูกของแข็งขูด
รถแท็กซี่บริการที่สนามบินก็ยังแก้ไม่ลงตัว และทำท่าจะบานปลายต่อไป หลัง “ลิมูซีน” หมดสัญญา โดยการท่าอากาศยาน ยึดมาทำเอง ก็... เสือนอนกินอีกนั่นแหละ
ส่อเค้าจะวุ่นต่อไป ด้วยวิธีการกินหัวกินหาง กินกลางตลอดตัว ไม่แบ่งปันให้ใคร
ไปดูการเตรียมพร้อมของตำรวจ 3 เหล่าในสังกัด สตช.ที่ถูกกำชับให้สนองนโยบายนี้ อันดับแรก ตำรวจท่องเที่ยวที่มีหน้าที่โดยตรง พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ท่องเที่ยว ที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวด้วยโครงการ “Thailand Tourist Police Road Show 2013” ขึ้น ภายใต้แนวคิด “5 S” ได้แก่ SMART แต่งกายให้ดูดี SMILE ยิ้มแย้มแจ่มใส SERVE ให้บริการดูแลที่ดี SAFE ดูแลความปลอดภัย SECURE ให้ความอบอุ่นและมั่นใจ จุดมุ่งหมายเป็นการโชว์ สร้างความเชื่อมั่นของการท่องเที่ยวไทยให้ดูดียิ่งขึ้นในสายตาชาวโลก
ตำรวจน้ำได้ย้ำเรื่องความปลอดภัยทางน้ำ โดย พ.ต.ท.โกศล แก่นแก้ว รอง ผกก. และพ.ต.ท.ฉัตรชัย ศักดิ์ดี สว.สน 3 กก.8 ภูเก็ต เชิญผู้ประกอบการทางน้ำมาจับเข่าคุย ให้เข้มในเรื่องกฎหมาย และความปลอดภัย มีการตรวจสอบท่าเทียบเรือต่างๆ ในภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยวไปใช้บริการ เน้นการป้องกันอุบัติเหตุ และป้องกันอาชญากรรมอย่างเข้มงวด พร้อมส่งเรือตรวจการณ์ออกลาดตระเวนพื้นที่ที่รับผิดชอบเพิ่มความเข้มในการดูแลนักท่องเที่ยว
ส่วนตำรวจภูธรภูเก็ต ชุดสืบสวน เตรียมรถสายตรวจติดอาวุธ พร้อมกำลัง นปพ.อาวุธครบมือ รวมทั้งสายตรวจจักรยานยนต์อีก มีปืนยาวเป็นหลัก ก็น่าจะเป็นปืน เอ็ม 16 คงไม่ใช่ปืนพระราม 6 แน่ ออกลาดตระเวนอวดตามแหล่งท่องเที่ยว
ทำเหมือนจะไปรบทัพจับศึก หรืออยู่ชายแดนใต้งั้นแหละ ไม่รู้ว่าประชดประชันใคร หรือเปล่า?
ล่าสุด การสร้างภาพของพระเอก “ไมตรี อินทุสุต” ที่ยกโขยงทั้งฝ่ายปกครอง และฝ่ายปราบปราม รวมทั้งเจ้าของท้องที่ เข้าป่าตองเพื่อตรวจดูความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยามราตรี ตามนโยบายเตรียมพร้อมรับไฮซีซัน
ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ต้องการเห็นของจริง ไม่อิงผักชีโรยหน้า
เป้าหมายอยู่ที่ซอยบางลา สวรรค์ของนักท่องเที่ยวยามราตรี ไม่แจ้งล่วงหน้า แต่ไปเป็นกองทัพ เซย์ฮัลโหล เช็กแฮนด์ทักทายกับนักท่องเที่ยว และสาวๆ ตลอดทางที่ย่างกราย ว่าเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ที่นั่งดริงก์ตามบาร์เบียร์ริมฟุตปาธ
ขณะเดียวกัน ได้รับรายงานว่า ก่อนหน้าที่พระเอกจะไปถึงเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมสถานบริการโชว์ลามกอนาจารได้รายหนึ่ง เป็นการโชว์ผลงานให้เห็นกันจะจะ
โอ้... เวอรี่กู๊ด!!
ได้รับการชมเปาะว่า ทำงานเยี่ยม สนองนโยบายเนี้ยบ เป็นที่พอใจในการเตรียมรับไฮซีซันนี้ แล้วย้ำเป็นพิเศษว่า จะไม่ให้มีการโชว์ลามกอีก รวมทั้งการนำสัตว์ป่ามาตระเวนโชว์ หรือถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยวตามอนุสัญญาไซเตสอย่างเด็ดขาด เพราะทำให้เสียภาพลักษณ์ที่ดีงามของประเทศไทย
การปัดฝุ่น แต่งบ้านรับนักท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต โดยผู้ว่าฯ รับไฮซีซันนี้ เป็นไปอย่างเอิกเกริก มโหฬารนัดนี้ คิดหวังจะได้ภาพลักษณ์ดีๆ กลับคืนมา เฉพาะอย่างยิ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล เป็นผลงานชิ้นโบแดง ส่วนหนึ่งในการร่วมโกยรายได้ 2.2 ล้านล้านบาท ในปี 2558 ส่วนจะไปต่อยอดงานใครไม่ต้องกังวล
ขอเป็นบันได ตะกายขึ้นไปเป็นรองฯ หรือปลัดกระทรวงมหาดไทยในอนาคต
แต่เหมือนฟ้าผ่า ที่จู่ๆ องค์กรภาคเอกชนผู้ประกอบการท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เกิดอาการสุดกลั้น อั้นไม่อยู่ “พุแตก” กะทันหัน ด้วยรำคาญบทบาทของพระเอกที่มัวสร้างภาพให้ตัวเอง
ไม่ได้แก้ปัญหาเรื้อรังของการท่องเที่ยวให้เป็นรูปธรรม ไปโรดโชว์ที่ไหนถูกเอเยนต์ทัวร์อัดหน้าแหกมาทุกที จนต้องระบายแบบตบลูกกระทบชิ่ง
กูทนไม่ไหวแล้วโว้ย
ต่างออกมาประสานเสียงเชียร์ ให้กำลังใจ 2 คู่ขวัญ “สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์” และ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” ที่ลงพื้นที่ไปแก้ปัญหาเน่าเหม็นให้ภูเก็ต
ชื่นชม 2 คู่ขวัญ อย่างออกหน้าออกตา แบบประชดประชัน
พร้อมกับทิ่มหมัดตรงเข้าใส่เต็มหน้าพระเอกว่า จังหวัดปัดสวะ หมกเม็ด ทำได้แค่สร้างภาพ แต่ไม่มีเวลาเสวนากับชุดแก้ปัญหาจากส่วนกลางที่ลงพื้นที่ ว่ากันง่ายๆ คือ ไม่เสนอหน้าไปให้เห็น ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร พฤติกรรมมันฟ้องอย่างนั้น
นี่แหละที่ทำให้ “ไมตรี อินทุสุต” พระเอกร้องจ๊ากเหมือนถูกเหยียบ “ตาปลา” รีบออกมาแจงสี่เบี้ยการแก้ปัญหา และการสร้างภาพ ปัดฝุ่น กวาดบ้านรับไฮซีซันอุตลุด ชนิดทันทีทันควัน
“ไม่ได้ซุกปัญหาไว้ใต้พรม ปัญหาการท่องเที่ยวนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าชี้เป้าชัดเจนก็จัดการได้ง่าย และรวดเร็ว ที่ว่า ไม่จริงจัง และจริงใจในการแก้ปัญหา ก็ต้องขอปฏิเสธ เพราะมีความตั้งใจในการเข้ามาทำงาน และแก้ปัญหาของภูเก็ต พร้อมที่จะบูรณาการกับทุกหน่วยงาน เรื่องท่องเที่ยวก็ได้เปิดเวทีให้ภาคเอกชนนำปัญหาต่างๆ มาหารือกัน”
นั่นเป็นวาทะโดยสรุปที่เข้ามาจับงานปัดฝุ่น กวาดบ้านเอาตอนปลายมือ ส่วนต้นมือนั้น ท่านห่วงแต่สร้างภาพ กำกับบทบาทของตัวเอง และเดินทางขึ้นล่องกรุงเทพฯ-ภูเก็ต รับนโยบายจากรัฐบาล และกระทรวงริมคลองหลอด หวังให้ชาวภูเก็ตเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสีได้อย่างถาวร
จนลืมนึกถึงปัญหา และสารพัดม็อบในภูเก็ตที่คิดถึงท่าน คงปล่อยให้ 3 รองผู้ว่าฯ ออกหน้ารับ จนถูกม็อบอัดหน้ายับทั้ง 3 รอง
ทำงานด้วยวาทะ และภาคทฤษฎีนั้นไม่น่าจะยาก แต่ภาคปฏิบัติที่ต้องออกสนาม ถ้าขาดความจริงจัง และจริงใจ เล่นเล่ห์เล่นเชิง ก็เห็นได้ชัดเจน และไม่พ้นหน้าแหกจนหมอไม่รับเย็บ
และการปัดฝุ่น กวาดบ้าน เอาขยะไปซุก ไม่ช้ามันก็ต้องโผล่ออกมาให้เห็น และส่งกลิ่นให้ดมกันอีก ทั้งงานที่เขาทำ แล้วเราเอามาต่อยอด ถ้าไม่ประสาน หรือประสานไม่ดีก็ดูเงอะงะ ขัดหูขัดตานะจะบอกให้.