ยะลา - ศอ.บต. แถลงข่าวการเปิดสถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ เตรียมความพร้อมรองรับประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะการติดต่อสื่อสาร และการสานสัมพันธ์กับโลกมลายูในบริบทของประชาคมอาเซียน ซึ่งเป็นจุดแข็งในพื้นที่ และเป็นประโยชน์ในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับนานาชาติ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ห้องประชุม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิ์พันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย ดร.หะมีดิง สานอ ประธานสถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการเปิดสถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ และการสานเสวนาวิชาการนานานาชาติ ในเรื่องภาษามลายูภาษาอาเซียน ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 12 ต.ค.นี้ ที่ห้องน้ำพราว บอลรูม โรงแรมซี.เอส. อ.เมือง จ.ปัตตานี
ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิ์พันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า สถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ เป็นโครงการอันสืบเนื่องมาจากแนวนโยบายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างความตระหนักในคุณค่าของการอยู่ร่วมกัน ภายใต้ความหลากหลายของวิถีชีวิต และวัฒนธรรม
โดยการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทย ภาษามลายู ภาษามลายูถิ่น และภาษาต่างประเทศ ที่สำคัญในทุกระดับการศึกษา ให้เป็นเครื่องมือการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาในทุกด้าน และเป็นศักยภาพสำคัญในการเตรียมความพร้อมรองรับการติดต่อสื่อสาร และการสานสัมพันธ์กับโลกมลายูในบริบทของประชาคมอาเซียน ซึ่งเป็นจุดแข็งในพื้นที่ และเป็นประโยชน์ในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับนานาชาติ
รวมทั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ที่ต้องการเสริมสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ และการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยใช้ภาษามลายูเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศมุสลิมในประชาคมอาเซียน ได้สนับสนุนมติจากการประชุมสัมมนานานาชาติ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และความเข้มแข็งทางภาษามลายูอาเซียน ในวันที่ 13-14 ต.ค.56 ที่ จ.ปัตตานี ซึ่งมีความเห็นร่วมกันที่จะให้มีองค์กรที่ดูแลประสานงานเกี่ยวกับภาษามลายูขึ้นในประเทศไทย ต่อมาประธานคณะกรรมการอำนวยการสถานีวิทยุและโทรทัศน์ภาษมลายู ศอ.บต. ได้เป็นแกนนำเชิญบรรดานักวิชาการประชุมหารือ เพื่อจัดตั้งสถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ขึ้นมา โดยได้รับความเห็นชอบ และลงนามในคำสั่งแต่งตั้งโดยเลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งสถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ได้รับความร่วมมือจากสถาบันในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน ในการจัดระบบ และบริหารสถาบันภาษามลายู
โดยคาดว่าสถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ จะเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับทั้งในประเทศ และต่างประเทศต่อไป รวมทั้งจะเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ใหม่ๆ และข้อสรุปอันเกี่ยวเนื่องกับภาษามลายู เพื่อสร้างโอกาสการพัฒนาต่อไป และเกิดภาคีเครือข่ายความร่วมมือสถาบันภาษามลายูในอาเซียนที่เป็นกระบวนการสำคัญในการสร้างความเป็นเอกภาพทางภาษาอีกด้วย
