xs
xsm
sm
md
lg

โจรใต้นัดเผาตู้เอทีเอ็มคืนเดียว 28 ตู้ ถล่มฐานทหารพรานครูถูกลูกหลงดับ 1 ราย กดบึ้มทหารตาย 2 เจ็บ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ยิงถล่มฐานทหารพรานกลางดึกเจ็บ 1 นาย ครูเสียชีวิต 1 ราย หัวรุ่งนัดวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม 4 จว.ชายแดนใต้ เสียหาย 28 ตู้ ปล้นรถดับเพลิง เผาสถานที่ราชการ ฟ้าสางกดบึ้มสังหารทหารพราน ที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ดับ 2 นาย บาดเจ็บอีก 3 แม่ทัพภาค 4 เผยคนร้ายแต่งกายเลียนแบบหญิงมุสลิม ตั้งเป้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์-ระบบเศรษฐกิจ ปธ.สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ชี้ฝีมือกองกำลังไม่เชื่อมั่นฝ่ายการเมืองไทย-บีอาร์เอ็น เตือนสร้างความชัดเจน ไม่ใช่ทำเหมือนละครฉากหนึ่ง “ภราดร” อ้างก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์ช่วงนี้ทุกปี เหตุ 10, 11, 13 ต.ค. วันสถาปนา 3 ขบวนการ ต้องแสดงศักยภาพ ประธานหอค้านราธิวาสเผยกระทบความเชื่อมั่นระยะสั้นเท่านั้น

เมื่อเวลา 02.00 น. วันนี้ (9 ต.ค.) พ.ต.อ.จีรเศรษฐ ดาวเงินตระกูล ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนร้ายซุ่มโจมตีฐานทหารพรานที่ 4206 บริเวณบ้านพักครูโรงเรียนบ้านเจาะกือแย หมู่ 3 ต.ตะบิ้ง ขณะที่คนร้ายอีกกลุ่มขับรถกระเช้าติดถังบรรทุกน้ำ ซึ่งปล้นจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กะดุนง แล้วถ่ายน้ำออก จากนั้นเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปแทน ได้ขับมาจอดข้างบ้านพักครู ฉีดน้ำมันเข้าใส่แล้วขว้างระเบิดเพลิงจนเพลิงลุกไหม้ 3 หลัง จากนั้นนำรถไปเผาทิ้งไว้บนถนนปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 3 ต.ตะบิ้ง

ถล่มฐาน ทพ.เจ็บ 1 ครูถูกลูกหลง 1 ศพ

หลังเกิดเหตุมีทหารบาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.อ.ถวิล บุตรจีน ถูกยิงเข้ากลางหลังอาการสาหัส นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี และมีครูเสียชีวิตในบ้านพักเพราะถูกลูกหลง 1 ราย คือ นางแวนะ มูนอ อายุ 55 ปี ครูชั้นอนุบาลโรงเรียนบ้านเจาะกือแย ถูกยิงด้วยปืนสงครามเข้าที่ศีรษะ

ขณะเดียวกัน ทหารพราน 4210 จำนวน 6 นาย เดินทางเข้าไปช่วยกลับถูกดักด้วยระเบิดแสวงเครื่องริมถนนหมู่ 2 ต.ตะบิ้ง ทำให้บาดเจ็บ 3 นาย ขณะที่ถนนปัตตานี-นราธิวาส คนร้ายโปรยตะปูเรือใบหลายจุด ทำให้เส้นทางถูกปิดกว่า 1 ชั่วโมง

ตระเวนวางระเบิดตู้เอทีเอ็มพังยับ 7 จุด

เวลา 05.10 น. เกิดเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็มในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ส่วนใหญ่อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ เสียหาย 5 แห่ง ประกอบด้วย สาขาเจริญประดิษฐ์ 1 แห่ง สาขาถนนหนองจิก 2 แห่ง คือ หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัด มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย และหน้าวิทยาลัยอาชีวะปัตตานี บาดเจ็บ 1 ราย สาขาถนนนาเกลือ 2 แห่ง บาดเจ็บ 3 ราย หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) เก็บกู้ได้ 1 ลูก ที่สาขาถนนเจริญประดิษฐ์

นอกจากนี้ ยังวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ จนได้รับความเสียหายอีก 1 ตู้ ตรวจสอบพบว่า คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือไปวางไว้บนตู้เอทีเอ็ม

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ยุคล ประสาทนานนท์ ผกก.สภ.หนองจิก รับแจ้งเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย ในปั๊มน้ำมันบางจาก ต.บ่อทอง

ส่วนที่ อ.ยะรัง พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ยะรัง รับแจ้งวางเพลิงเผาบ้านพักประมงอำเภอ หมู่ 4 ต.ปิตุมุดี เสียหายทั้งหลัง แต่เป็นบ้านร้างไม่มีใครอยู่ และเผายางรถยนต์ ตัดต้นไม้ขวางถนนปัตตานี-ยะลา

ที่ อ.กะพ้อ พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.กะพ้อ รับแจ้งเหตุคนร้ายทำลายกล้องวงจรปิด สามแยกบ้านตะโละแมะนา เสียหาย 7 ตัว เผายางรถยนต์ 4 จุด

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.โพธ สวยสุวรรณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานชุดวิทยาการเข้ารวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะปลอกกระสุนปืนที่ใช้ซุ่มยิงฐานทหารที่ อ.สายบุรี เพื่อนำมาตรวจดีเอ็นเอ พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกจุด เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายน่าจะวางแผนมาอย่างดีซึ่งตรงตามที่แหล่งข่าวแจ้งไว้ว่า จะมีการก่อเหตุเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ และสร้างสถานการณ์

นราธิวาสเจอด้วย 8 ตู้-ตระเวนวางเพลิง

เวลา 05.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผกก.สภ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เสียหาย 5 จุด จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบก.ภ.จว. ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) นปพ.นราธิวาส ร.ต.ท.รัฐวิทย์ วันเพ็ญศรี รอง หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส

จุดแรกอยู่ข้างประตูทางเข้าโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ในเหล็กทรงกลม หนัก 0.5 กิโลกรัม (กก.) จุดชนวนด้วยด้วยนาฬิกาปลุกข้อมือ ตู้เอทีเอ็ม เสียหาย 2 ตู้ รถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน ฏจ 6044 กรุงเทพมหานคร กระจกด้านคนขับเสียหาย

จุดที่ 2 ข้างรั้วประตูทางออกของโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เสียหาย 2 ตู้ จุดที่ 3 ข้างรั้วสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เสียหาย 1 ตู้ จุดที่ 4 ข้างรั้วโรงเรียนนราสิกขาลัย เสียหาย 2 ตู้ จุดที่ 5 ข้างกำแพงสำนักงานเทศบาลเมืองนราธิวาส เสียหาย 1 ตู้

ทั้งนี้ นอกจากเหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็มแล้ว คนร้ายยังก่อเหตุขว้างระเบิด ปล้นรถดับเพลิง วางเพลิงอีกหลายจุด

เวลา 07.00 น. พล.ต.ต.พัฒนวุธ ร.ต.อ.ประจวบ ร.ต.ท.รัฐวิทย์ ออกตระเวนตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายวางเพลิงตั้งแต่เวลา 02.00-03.00 น. จุดแรกที่ศาลาที่พักริมทางบ้านศาลาลูกไก่ ริมถนนปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 4 ต.ละหาร อ.ยี่งอ ซึ่งชาวบ้านขับรถผ่านมาเห็นจึงช่วยกันดับได้ทัน เสียหายเล็กน้อย จุดที่ 2 ศาลาที่พักริมทางบ้านยาโง๊ะ หมู่ 1 ต.ลูโบ๊ะบือซา เสียหายไม่มากนัก

ต่อมาไปที่ อ.บาเจาะ อาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลุโบะสาวอ หมู่ 7 บ้านลุโบะสาวอนอก ต.ลุโบะสาวอ โชคดีที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลยี่งอ เข้าสกัดกั้นต้นเพลิงได้ทัน เสียหายแค่ชั้นล่างของโรงพยาบาล รวมทั้งรถยนต์ และโรงจอดรถ ซึ่งก่อนก่อเหตุได้ทุบทำลายกล้องวงจรปิด 4 ตัว

จากนั้นเข้าตรวจสอบฐานหน่วยปฏิบัติการ สภ.บาเจาะ ในที่ทำการหมวดการทางบาเจาะ คนร้ายขว้างระเบิด 3 ลูก ตัวอาคารเสียหาย

ต่อมา ที่ อ.ระแงะ อาคาร อบต.เฉลิม บ้านลูโบ๊ะกาเยาะ หมู่ 5 ต.เฉลิม คนร้ายใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ตัวอาคารแล้ววางเพลิงอาคารที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ เสียหายบางส่วน รถดับเพลิงเสียหายช่วงห้องโดยสารทั้งหมด

ที่ทำการ อบต.รือเสาะออก หมู่ 1 บ้านคลองเตง อ.รือเสาะ คนร้ายบุกเข้าไปจับ รปภ.มัดมือมัดเท้าแล้วขโมยรถบรรทุกน้ำไป 1 คัน ล่าสุด พบคนร้ายจอดทิ้งไว้ลานด้านหลัง สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา โดยคนร้ายถ่ายน้ำออกจากถังแล้วนำน้ำมันเชื้อเพลิงใส่แทน จากนั้นใช้เครื่องสูบน้ำฉีดน้ำมันใส่ตัวอาคาร สภ.จะกว๊ะ เพื่อจุดไฟเผา แต่ตำรวจพบเห็นก่อนคนร้ายจึงหลบหนีไป

ด้าน พล.ต.ต.พัฒนวุธ กล่าวว่า น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์มากกว่าการแก้แค้นให้กลุ่มที่ถูกวิสามัญใน อ.รือเสาะ เนื่องจากเกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 จังหวัด และหากไม่ปิดล้อมตรวจค้นจนสามารถวิสามัญคนร้ายได้ เหตุการณ์น่าจะรุนแรงมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ขอโทษประชาชนด้วย ที่ไม่สามารถดูแลได้เพราะเพิ่งมารับตำแหน่ง ซึ่งหลังจากนี้จะวางกำลังให้เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมือง ซึ่งถือเป็นย่านเศรษฐ์กิจจะไม่ให้นำวัตถุระเบิดเข้ามาได้

กดบึ้ม 20 กก.ทหารตายคาที่ 2 นายเจ็บ 3

ต่อมา เวลา 08.35 น. ร.ต.ท.ก่อเกรียติ มณีโชติ ร้อยเวร สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รับแจ้งคนร้ายจุดชนวนระเบิดสังหารทหารพราน ร้อย ทพ.4603 กรมทหารพรานที่ 46 เหตุเกิดริมถนนบ้านศาลา หมู่ 4 ต.จวบ ทำให้ทหารเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 3 นาย จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุชาติ สอิด ผกก.สภ.เจาะไอร้อง ร.ต.อ.ประจวบ ร.ต.ท.รัฐวิทย์ พบหลุมระเบิดริมถนนลึก 2 ฟุต กว้าง 4 ฟุต ชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิคนิคหนัก 20 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยด้วยวิทยุสื่อสาร ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐาน

สำหรับผู้เสียชีวิต คือ อส.ทพ.โซเปียน กือแมแซะเจะลอ อายุ 28 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว และอส.ทพ.บุญรับ เพชรหนองชุม อายุ 34 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำคอหวิดขาด

ส่วนผู้บาดเจ็บ 3 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว คือ อส.ทพ.สุรเชษฐ์ ชานุวัตร อายุ 29 ปี อส.ทพ.สุรชัย คงทอง อายุ 34 ปี และ อส.ทพ.สมพร พิมพระกุล อายุ 30 ปี

สอบสวนทราบว่า ร.ต.มารุต ชังช่างเรือ หัวหน้าชุด นำกำลังรวม 20 นาย นั่งรถยนต์หุ้มเกราะ 3 คันเพื่อไปสนับสนุนการปิดล้อมตรวจค้น โดยแล่นตามไปกันไป เมื่อคันที่ 2 ซึ่งผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บนั่งมาด้วยผ่านจุดเกิดเหตุ คนร้ายใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดทันที

สงขลาเจอ 3 ตู้ คาดฝีมือ “อับดุลตอเละ”

จ.สงขลา เวลา 05.10 น. คนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เขตเทศบาลตำบลสะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ หน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหูอื้อ บาดเจ็บเล็กน้อย และตู้เอทีเอ็ม ธนาคารออมสิน ในปั๊ม ปตท. หมู่ 2 บ้านสวรรค์ ต.สะกอม อ.เทพา ทั้ง 3 จุดเป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลาชนิดเดียวกัน

ทั้งนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคงคาดว่า เป็นฝีมือของแนวร่วมอำเภอชายแดนสงขลา เพื่อสร้างสถานการณ์เชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยผู้ต้องสงสัย คือ นายอับดุลตอเละ กาสอ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดร้านน้ำชา อ.นาทวี เมื่อวันที่ 28 มิถุนยาน มีหมายจับ 13 คดี

แหล่งข่าวจากชุดสืบสวน บก.ภ.จว.สงขลา แจ้งว่า ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายอับดุลตอเละ กาสอ อายุ 41 ปี ผู้นำระดับสั่งการใน จ.ปัตตานี คดีวางระเบิดร้านน้ำชา อ.นาทวี เช้าวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 5 ราย โดยหมายจับออกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา และคาดว่าเหตุวางระเบิด 3 จุดในจ.สงขลา อาจสั่งการจากนายอับดุลตอเละ แต่ต้องตรวจสอบหลักฐานโดยละเอียดก่อน

ยะลาโดนหนักสุด 3 อำเภอ เจอไป 10 ตู้

เวลา 05.15 น. วันเดียวกัน ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ 191 บก.ภ.จว.ยะลา รับแจ้งเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็มในเขตเทศบาลนครยะลา ประกอบด้วย 1.หน้าคุรุมาร์ท ถนนอาคารสงเคราะห์ 2.ธนาคารกรุงไทย ถนนรถไฟ 3.ธนาคารกรุงไทย โรงไฟฟ้าพงยือไร 4.ธนาคารอิสลาม ตลาดเมืองใหม่ 5.ธนาคารออมสิน ถนนสิโรรส ไม่มีผู้บาดเจ็บ

นอกจากนี้ ที่อ.ยะหา คนร้ายวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม 4 จุด ได้แก่ 1.หน้าธนาคารกรุงไทย 2.ธนาคารอิสลาม ถนนพิทัพธานี 3.ธนาคารออมสิน ถนนสันติราษฎร และ 4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ถนนสุขาภิบาล 4 ไม่มีผู้บาดเจ็บ

ส่วน อ.บันนังสตา วางระเบิดตู้เอทีเอ็ม 1 จุด ที่ธนาคารอิสลาม ถนนสุขยางค์ ไม่มีผู้บาดเจ็บ

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คนร้ายจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือซัมซุง รุ่นฮีโร่ ตั้งเวลาไว้ที่ 05.15 น.

พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา ตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ อ.ยะหา พบผู้ต้องสงสัยแต่งกายเป็นหญิงมุสลิมเข้ามาที่ตู้เอทีเอ็มก่อนจะเกิดระเบิดขึ้น

ตอบโต้ถกสันติภาพ-ส่งสัญญาณแตกหัก

แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุว่า การก่อเหตุพร้อมกันทั้ง จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คาดว่าเป็นการตอบโต้ก่อนที่จะมีการพูดคุยเจรจาสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็นวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ที่ประเทศมาเลเซีย โดยคาดว่าจะมีตัวแทนกลุ่มอื่นเข้าร่วมเจรจาด้วย และอาจเป็นรอบแตกหักของการพูดคุย หากไม่ปฏิบัติในข้อเรียกร้องที่เคยเสนอมา โดยเฉพาะให้ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ ซึ่งอาจกลายเป็นเงื่อนไขของการยุติการพูดคุย และเลือกใช้วิธีก่อเหตุรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ ตู้เอทีเอ็มที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดเสียหายทั้ง 4 จังหวัด รวม 28 ตู้

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า คนร้ายวางระเบิด เผาวงจรปิด เผายางรถยนต์รวม 34 จุด ประกอบด้วย จ.ยะลา 11 จุด แยกเป็น อ.เมือง 5 จุด อ.ยะหา 4 จุด และ อ.บันนังสตา 2 จุด

จ.ปัตตานี 15 จุด แยกเป็น อ.เมือง 6 จุด อ.โคกโพธิ์ 2 จุด อ.หนองจิก 1 จุด อ.ยะหริ่ง 2 จุด อ.กะพ้อ 2 จุด และ อ.ยะรัง 2 จุด

จ.นราธิวาส 5 จุด เฉพาะ อ.เมือง และ จ.สงขลา 3 จุด อ.สะบ้าย้อย อ.เทพา และ อ.นาทวี อำเภอละ 1 จุด

พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของคนร้ายที่ต้องการสร้างความรุนแรง พุ่งเป้าทำลายระบบเศรษฐกิจเป็นหลัก และที่สำคัญข่มขวัญประชาชนให้หวาดกลัว ทำลายความหวังของประชาชนที่ต้องการความสงบสุข ซึ่งสังคมต้องร่วมประณามพฤติกรรมคนร้าย

เผยคนร้ายแต่งกายเลียนแบบหญิงมุสลิม

พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมี 3 ลักษณะ คือ 1.ทำลายทรัพย์สินของธนาคาร 2.ทำลายทรัพย์สินของประชาชน สาธารณะ เช่น ศาลาที่พัก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บ้านพักครู 3.ใช้กำลังซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยเหลือตรวจสอบสถานการณ์ ซึ่งจากการพิจารณาแล้วตอกย้ำให้เห็นว่า ความต้องการทางการเมืองของกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงยังมีอยู่ ตั้งเป้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ขัดขวางการประกอบอาชีพ ไม่คำนึงถึงสิทธิ ความสุขสงบสุข แม้ประชาชนแสดงออกว่าไม่ต้องการความรุนแรง ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง เช่น ช่วงเดือนรอมฎอน และหลังรอมฎอน ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจ

กอ.รมน.จะทำทุกวิธีทาง ด้วยยุทโธปกรณ์ และบุคคลที่ประชาชนมอบให้ จะปฏิบัติการเชิงรุกต่อผู้ทำผิดกฎหมาย จะรักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรม ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากประชาชนบอกตลอดเวลาว่า ให้สร้างความเข้าใจ และใช้ความอดทน เพราะเชื่อว่าจะกลับสู่สันติ

พล.ท.สกล กล่าวว่า กรณีที่มีบุคคลซึ่งเป็นแนวร่วมแต่งกายคล้ายผู้หญิง นำระเบิดมาวางบริเวณตู้เอทีเอ็มนั้น ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ ได้ให้คณะทำงานสืบสวนวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งที่สถานที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิด เพื่อพิสูจน์ทราบโครงสร้างใบหน้า และจะยืแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบอีกครั้ง

ภาคประชาชนชี้ฝีมือกองกำลังไม่พอใจ

นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ กล่าวว่า ขณะที่ใกล้ถึงวันพูดคุยสันติภาพกับบีอาร์เอ็นวันที่ 20 ตุลาคม หากจะมองว่าเป็นการกระทำเพื่อหวังผลกดดันฝ่ายไทยก็เป็นไปได้ แต่คนในพื้นที่มองว่า อาจเป็นฝ่ายกองกำลังที่ทำงานแยกส่วนจากฝ่ายการเมือง แสดงพลังให้เห็นว่า ไม่เชื่อมั่นในการเจรจาของฝ่ายการเมือง จึงอาจเป็นการเตือนฝ่ายการเมืองของทั้ง 2 ฝ่าย ให้เร่งสร้างความชัดเจนของข้อสรุปเพื่อหาข้อยุติ ไม่ใช่การประชุมที่ดูเหมือนแค่ละครฉากหนึ่ง ที่หลังพูดคุยแล้ว บีอาร์เอ็นก็มีข้อเรียกร้องผ่านทางยูทิวบ์ ขณะที่ฝ่ายไทยไม่ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาข้อเสนออย่างเป็นรูปธรรม

“คนในพื้นที่ยังคาดหวังให้ใช้เวทีเจรจานำไปสู่สันติสุข ซึ่งอาจถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องทบทวนว่าการเจรจาแต่ละครั้งควรเป็นไปในลักษณะใด เพื่อความคืบหน้า เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น”

กลุ่มผู้รักสันติชุมนุมประณาม-ต้านรุนแรง

ด้านประชาชนกลุ่มผู้รักสันติกว่า 300 คน รวมตัวหน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี พร้อมป้ายผ้าประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายข้อความว่า “หยุดความรุนแรง” และกล่าวปฏิญาณ พร้อมประณามการกระทำของคนร้ายที่ไร้มนุษยธรรม ไม่มองถึงความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และขอให้ยุติการกระทำที่ป่าเถื่อน โดยเฉพาะการกระทำที่ชาวบ้านต้องได้รับผลกระทบ พร้อมยื่นหนังสื่อให้แก่ตัวแทนจังหวัด เพื่อแสดงจุดยืนการช่วยเป็นหูเป็นตาให้ภาครัฐต่อไป

ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใน 7 หมู่บ้านของต.ลุโบะสาว อ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส กว่า 300 คน นำโดยนายมะยูกรี แมซา กำนันตำบลลุโบะสาวอ เดินทางมาดูความเสียหายของอาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลุโบะสาวอ ซึ่งถูกคนร้ายลอบวางเพลิง ทำให้ห้องจ่ายยา ห้องฉุกเฉิน ห้องฝากครรภ์ ห้องตรวจสุขภาพ และห้องเก็บวัสดุ ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังได้แสดงความเสียใจ และให้กำลังใจ นางฟารีดะห์ ฮาแวมาเนาะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่รวม 9 คนที่เสียขวัญ และหวาดกลัวกับเหตุที่เกิดขึ้น โดยมี พ.จ.ท.อนันต์ บุญชำราญ นายอำเภอบาเจาะ น.ท.อมร ควรหาเวช ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 เดินทางมาให้กำลังใจด้วย

โดยชาวบ้านได้ถือป้ายผ้าสีขาว เขียนข้อความภาษาไทยว่า “อนามัยมีไว้รักษาคนป่วย แล้วมาเผาอนามัยของหนูทำไม” รวมทั้ง “หยุดยิงหยุดระเบิดหยุดการก่อการร้าย โรงพยาบาลเป็นที่รักษาผู้ป่วยไว้ซึ่งชีวิต มาทำลายทำไม” เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้านร่วมกันปกป้องทรัพย์สินของทางราชการ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมทั้งป่าวประกาศให้กลุ่มคนร้ายหยุดพฤติกรรมรุนแรง

พ่อค้าปลาโก-ลก เครียดทำสูญกว่า 3 แสน

นายสาการี อูมา พ่อค้าขายปลาตลาดสดหลังโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส กล่าวว่า การโปรยตะปูเรือใบตามถนนสายหลัก ทำให้รถทุกชนิดม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ ส่งผลให้ตนซึ่งอยู่ระหว่างการนำสัตว์ทะเลสดจากท่าเรือปัตตานี ไปขายที่ตลาดสดใน อ.สุไหงโก-ลก ต้องติดอยู่ที่ ต.ต้นไทร อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส กว่าเจ้าหน้าที่จะเคลียร์เส้นทางเรียบร้อยก็ใช้เวลานานมาก ทำให้ไม่สามารถนำสินค้าไปส่งพ่อค้ารายย่อยในพื้นที่ตามปกติ ที่จะต้องมาถึงตลาดตั้งแต่เวลา 04.00 น. แต่วันนี้มาถึงตลาดเวลา 07.00 น. ทำให้อาหารทะเลสดน้ำหนักกว่า 6 ตัน มูลค่ารวมกว่า 3 แสนบาท ต้องถูกดองไว้แล้วนำออกจำหน่ายวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) ซึ่งอาจต้องลดราคาลงตามสภาพ เพราะไม่ใช่เป็นของสดแล้ว

“ผมรู้สึกเครียดมาก เพราะเงินที่ใช้ซื้อขายสินค้าเป็นเงินหมุนเวียนแบบวันต่อวัน วันนี้ยังไม่มีเงินเข้ากระเป๋าแม้แต่บาทเดียว แถมต้องนำเงินที่มีอยู่ไปซื้อนำแข็งมาถนอมสินค้าให้คงสภาพความสดไว้ด้วย”

นายสาการี กล่าวว่า อยากสะท้อนไปถึงกลุ่มที่ก่อเหตุด้วยว่า ประชาชนที่ทำมาค้าขายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายใด หากต้องการเรียกร้องหรือก่อเหตุ ก็ควรจะมุ่งไปที่คู่กรณี มากกว่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ต้องการทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเอง และครอบครัว

ปธ.หอค้านราธิวาสเผยกระทบระยะสั้น

นายศรัณย์ วังสัตตบงกช ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า คาดได้ว่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพยายามหาช่องว่าง เพื่อให้ประชาชนหวาดกลัว และตื่นตระหนก รวมถึงแสดงศักยภาพ แต่ไม่ได้โทษว่าเป็นความบกพร่องของฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากมีการปฏิบัติตามแผนพิทักษ์เมืองอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว แต่เพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้มีเนื้อที่กว้างขวาง จะให้ฝ่ายความมั่นคงรับผิดชอบฝ่ายเดียวก็ไม่อาจทั่วถึงทุกจุด ซึ่งภาคเอกชน และประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแสบุคคล และวัตถุต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วย

“ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจ เชื่อว่าอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านบ้าง แต่ก็เพียงระยะสั้น เนื่องจากความไม่สงบเกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นความเคยชิน แต่หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เกิด เพราะอีกไม่นานจะมีการจัดประชุม ครม.สัญจรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณพัฒนาเมือง และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ซึ่งหากยังมีการก่อเหตุความรุนแรง ก็อาจมีผลต่อการพิจารณาอนุมัติงบประมาณได้ จึงอยากวอนให้ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนตระหนักในเรื่องนี้ให้มาก”

ด้านนายอุทิน โฉมอุภัย ประธานชมรมธนาคารสุไหงโก-ลก กล่าวว่า ยังมั่นใจมาตรการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคง ว่า จะควบคุมสถานการณ์ป่วนเมืองได้ แม้จะมีการก่อเหตุวางระเบิดหน้าธนาคาร รวมถึงตู้เอทีเอ็มรวมอยู่ด้วย ส่วนการรักษาความปลอดภัยธนาคาร และตู้เอทีเอ็มในเขต อ.สุไหงโก-ลก แต่ละธนาคารได้จัดทำแผนและจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอย่างเข้มงวด โดยมีฝ่ายความมั่นคงให้การสนับสนุน จึงเชื่อว่าเหตุการณ์ในพื้นที่ จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

“ภราดร” ชี้บึ้ม 3 จังหวัดแค่แสดงสัญลักษณ์

ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า เป็นลักษณะการตอบโต้ เพราะ 1-2 วันนี้จะเข้าสู่วันสำคัญของกลุ่มขบวนการ โดยวันที่ 10 ตุลาคม เป็นวันก่อตั้งกลุ่มบีอาร์เอ็น วันที่ 11 ตุลาคม เป็นวันก่อตั้งกลุ่มพูโล และวันที่ 13 ตุลาคม เป็นของกลุ่มเบอร์ซาตู ดังนั้น ต่างก็ต้องแสดงศักยภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ปฏิบัติทุกปี แต่เป็นการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์ต่อสถานที่ แหล่งเศรษฐกิจ ระเบิดไม่รุนแรง ซึ่ง 2-3 วันต่อจากนี้ ยังจะมีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ต่อเนื่อง ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำไปเป็นประเด็นพูดคุยสันติภาพครั้งต่อไปด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อรู้ว่าจะมีการก่อกวนทำไมจึงไม่เตรียมรับมือ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เรารู้ แต่พื้นที่กว้างขวาง และสิ่งที่ปฏิบัติก็ไม่กระทบต่อตัวบุคคล เมื่อถามว่า การวางระเบิดตู้เอทีเอ็มหน้าจวนผู้ว่าฯ แสดงให้เห็นว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เป็นการเน้นเชิงสัญลักษณ์ อุปกรณ์ที่ใช้ก็ไม่ประสงค์ความรุนแรง หรือทำร้ายกัน ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มเล็ก แต่มีขีดความสามารถ ซึ่งยอมรับว่าเป็นกลุ่มจรยุทธ์ สามารถนัดหมายเวลาปฏิบัติการลงมือได้ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ดูว่าเหมือนมีกำลังจำนวนมาก

นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะส่งหนังสือถึง พล.ท.ภราดร เพื่อเสนอแนวคิด 3 ข้อให้นำไปพูดคุย ประกอบด้วย 1.รัฐบาลต้องลดความขัดแย้งจากการแจ้งข้อหากลุ่มที่เห็นต่างแบบเหวี่ยงแห 2.ต้องพัฒนาให้ประชาชนในพื้นที่อยู่ดีกินดี และ 3.ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคดีอย่างแท้จริง

ส่วนข้อเสนอเขตปกครองพิเศษนั้น รัฐบาลไม่น่าจะยอม คนไทยทั่วประเทศก็ไม่น่าจะยอม ซึ่งคงเป็นได้แค่จังหวัดจัดการตัวเองภายใต้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ตนยังยืนยันว่า นายอัสซัน ตอยิบ หัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายบีอาร์เอ็นไม่มีอิทธิพลต่อการสั่งหยุดยิง หรือนำสันติสุขมาสู่ 3 จังหวัดภาคใต้

แม่ทัพชี้ปี 56 ไฟใต้ลดปีหน้าสู้กลุ่มแนวร่วม

ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงผลการปฏิบัติงานรอบปี 2556 และแนวทางการปฏิบัติงานในปี 2557 ว่า ภาพรวมสถานการณ์ปี 2556 มีสถิติการก่อเหตุลดลง เหตุร้ายส่วนใหญ่เป็นระเบิดแสวงเครื่อง และการลอบยิง สำหรับการสูญเสียก็ลดลงเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม อย่างไรก็ตาม กลุ่มขบวนการยังคงพยายามใช้เงื่อนไขทางชนชาติและศาสนามาบิดเบือนก่อเหตุ ซึ่งเป็นพฤติกรรมแบบสุดโต่ง เผด็จการ และก่อการร้าย โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งทุกคนมีสิทธิ และเสรีภาพในการมีชีวิตอยู่ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พยายามแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เน้นให้ครอบคลุมทุกมิติ ส่งผลให้กลุ่มคนที่มีความเห็นต่างมีความเชื่อมั่น และเข้ารายงานตัวแสดงตน 983 คน ซึ่งจะได้ดำเนินกรรมวิธีในการขอปลดหมาย พ.ร.ก. และอำนวยความสะดวกด้านกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมสร้างความเข้าใจให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะองค์กรระหว่างประเทศ มีความเข้าใจ และยอมรับแนวทางการแก้ปัญหา ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง ทำให้ยังไม่มีประเด็นสำคัญที่จะถูกหยิบยกเข้าสู่เวทีสากล

ขณะที่กระบวนการพูดคุยสันติภาพ ได้รับกระแสตอบรับจากทุกภาคส่วน และเป็นความคาดหวังของพี่น้องประชาชนที่เบื่อหน่ายความรุนแรง ทำให้เกิดกระแสปฏิเสธความรุนแรงอย่างกว้างขวาง สำหรับการแก้ปัญหาระดับพื้นที่ ได้เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ด้วยการบูรณาการกลไกในการแก้ปัญหาให้เกิดความเป็นเอกภาพ โดยใช้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนไปสู่หมู่บ้านเป้าหมายทั้ง 3 ระดับ คือ หมู่บ้านเสริมสร้างความมั่นคง 136 หมู่บ้าน หมู่บ้านเร่งรัดการพัฒนา 234 หมู่บ้าน และหมู่บ้านเสริมสร้างการพัฒนา 1,600 หมู่บ้าน ทำให้กลไกราชการปกติสามารถขับเคลื่อนการทำงานได้มากขึ้น

ทั้งนี้ จากการสำรวจทัศนคติ และความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2,257 ตัวอย่าง พบว่า มีความพึงพอใจในระดับปานกลางเฉลี่ย 3.58 แต่มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า พี่น้องประชาชนมีความเข้าใจ และเชื่อมั่นในอำนาจรัฐมากยิ่งขึ้น

พล.ท.สกล กล่าวว่า สำหรับปี 2557 จะยังคงขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และข้อเน้นย้ำของผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เรื่องการปฏิบัติการเชิงรุกในทุกมิติ ด้วยการบรูณาการด้านการข่าวให้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ การติดตามจับกุม และจำกัดเสรีของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ภายใต้หลักกฎหมายที่เป็นธรรม และไม่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน การกำหนดมาตรการควบคุมการก่อเหตุร้ายด้วยระเบิด โดยการควบคุมยุทธปัจจัยในการประกอบระเบิด การรักษาความปลอดภัยเขตชุมชนเมือง การขับเคลื่อนศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ ให้เกิดความร่วมมือของทุกภาคส่วนราชการ และการพัฒนาระบบการศึกษาที่มุ่งไปสู่ผลสัมฤทธิ์ด้านการศึกษาให้ชัดเจน

นอกจากนี้ จะดำรงความต่อเนื่องตามนโยบายสานใจ สู่สันติ ภายใต้แนวทางการเมืองนำการทหาร โดยใช้แผนปฏิบัติงานสำคัญ และเร่งด่วน 5 งานหลัก 2 งานเสริม และ 4 งานสนับสนุน เพื่อต่อสู้กับกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติปัตตานีให้ครบทุกมิติ พร้อมกับเสริมสร้างจุดแข็งใช้กลไกราชการปกติ ให้สามารถกำหนดแผนปฏิบัติการให้ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน โดยใช้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนผ่านสภาสันติสุขตำบล และคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้ตรงต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ คือ ประชาชนมีความพอใจ พื้นที่ปลอดภัย ผู้ก่อเหตุรุนแรงกลับใจมอบตัว และยุติการก่อเหตุรุนแรง ไม่มีการบ่มเพาะเพิ่มจำนวนแนวร่วมใหม่ และภาคประชาชนออกมาปฏิเสธความรุนแรงเพิ่มขึ้น เสริมสร้างบรรยากาศแห่งสันติภาพ และสันติสุขให้กลับคืนมาตามที่ทุกคนได้มุ่งหวัง และตั้งใจไว้



















กำลังโหลดความคิดเห็น