xs
xsm
sm
md
lg

ที่ปรึกษา สบ 10 สั่ง ตร.ท่องเที่ยวกวาดล้างทัวร์ผีใน 7 วัน ปัญหาอื่นๆ หมดไปแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ที่ปรึกษา สบ 10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พอใจผลการจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยว เผยรอบ 40 วัน ที่ระดมกำลังกวาดล้างไม่มีอาชญากรรมรุนแรงเกิดขึ้นต่อนักท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ ปัญหาหลอกลวงนักท่องเที่ยวและผู้มีอิทธิพลหายไป เหลือแต่ทัวร์เถื่อนที่ยังระบาดในบางพื้นที่ สั่งตำรวจท่องเที่ยวกวาดล้างให้หมดไปภายใน 7 วัน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (26 ก.ย.) พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา สบ 10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เป็นประธานการประชุมสรุปผลการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ในช่วงตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม-30 กันยายน 2556 นี้ ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยมีการประชุมผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 2 ภาค 5 และภาค 8 รวมทั้งตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยมี พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้กำกับการสถานีตำรวจทุกแห่งในภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ขนส่งจังหวัด เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต

พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา สบ 10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปผลการดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรมตามพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในห้วงเวลา 40 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม-30 กันยายน 2556 นี้ ว่า จากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสังกัด บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับส่วนกลาง และพื้นที่ เพื่อดูแลความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง

โดยในรอบ 40 วันที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาอาชญากรรมเกี่ยวกับคดีฆ่า ชิงทรัพย์ ข่มขืน และทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวแม้แต่รายเดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะคดีดังกล่าวหากเกิดขึ้นจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก รวมทั้งในส่วนของการการหลอกลวงนักท่องเที่ยวไปซื้ออัญมณี ลักทรัพย์นักท่องเที่ยวในรถทัวร์ ร้านตัดสูท ที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดได้แล้ว แต่บางพื้นที่ยังมีปัญหาในเรื่องการปล่อยปละละเลยให้มีการตั้งเคาน์เตอร์ทัวร์เถื่อน ซึ่งในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ทางกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวดำเนินการให้แก้ปัญหาให้หมดสิ้นไปภายใน 7 วัน และในส่วนของผู้มีอิทธิพลก็ได้รับการแก้ไขไปได้แล้วในระดับหนึ่ง

โดยได้มีการจับกุมกวาดล้างคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวเกือบหมื่นราย เช่น คดีเกี่ยวกับยาเสพติด 5,000 ราย ดำเนินการกับชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศเกินกว่ากำหนด 2,000 ราย การค้าประเวณี 1,600 ราย ทำให้แก๊งกะเทยค้าประเวณีบริเวณชายหาดพัทยาหายไปทั้งหมด จับกุมนักพนัน 500 ราย และจับกุมอาวุธปืน 300 ราย เป็นต้น

พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวอีกว่า จากการที่ให้ทางตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ทำการประเมินผลการทำงานกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ท่องเที่ยวในช่วงเวลา 40 วัน ปรากฎว่า นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสูงถึงร้อยละ 80 ในทุกมิติ

อย่างไรก็ตาม หลังระยะเวลา 40 วันที่ดำเนินการสุดสิ้นลง กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรมดังกล่าวก็จะกลับไปสู่การทำงานตามปกติ จากที่สถิติคดีเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวลดลง แต่หากสถิติเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวเพิ่มก็จะระดมกำลังมากวาดล้างอีกรอบหนึ่ง

ขณะที่ พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา ได้สอบถามทางกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ในพื้นที่ท่องเที่ยว ทั้งภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดสรรงบประมาณ 197 ล้านบาท ให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวดำเนินการติดตั้งในภูเก็ตเป็นพื้นที่ต้นแบบ ก่อนที่จะขยายไปสมุย พัทยา และเชียงใหม่ ปรากฎว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นการดำเนินการของทางตำรวจท่องเที่ยว

ด้าน พ.ต.อ.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ทางดีเอสไอได้ร่วมกับกองปราบปราม จับกุมดำเนินคดีกรรโชกทรัพย์นักท่องเที่ยวกับหัวหน้าคิวรถแท็กซี่ป้ายดำ หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต คือ นายป้อม และนายเสริม สุขเกษม ซึ่งคิดว่าการใช้มาตรการจับ ปรับ กับรถแท็กซี่ป้ายดำนั้นไม่เป็นผลเท่าที่ควร จะต้องดำเนินการในรูปแบบอื่น แต่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และขณะนี้ได้แบ่งกลุ่มการทำงานออกเป็น 11 กลุ่ม เจาะหาข้อมูลผู้เกี่ยวข้องให้ประสบความสำเร็จตามที่อธิบดีดีเอสไอมอบหมาย

นายธีระยุทธ์ ประเสริฐผล ผอ.สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางขนส่งได้ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต จัดระเบียบรถแท็กซี่ป้ายดำมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว พบว่า มีรถแท็กซี่ป้ายดำทั่วทั้งจังหวัดอยู่ที่ 3,500 กว่าคัน มาขึ้นทะเบียนกับทางขนส่ง 2,882 คัน และได้มาจดทะเบียนเป็นรถป้ายเขียว หรือรถรับจ้างสาธารณะไปแล้ว 1,100 คัน เหลืออีก1,700 คัน ที่ยังไม่สามารถจดทะเบียนเป็นป้ายเขียวได้ เนื่องมีปัญหารถติดไฟแนนซ์ และค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนป้ายสูงมากถึงคันละ 50,000 บาท ทางผู้ว่าฯ ได้เจรจาให้ธนาคารออมสิน เป็นผู้ปล่อยกู้ให้ ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการในพื้นที่เชิงทะเลได้ดำเนินการกู้กับทางออมสินแทน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ดีเอสไอ และขนส่งได้ร่วมกันตรวจ จับ ปรับ ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้รถแท็กซี่ป้ายดำเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นอีก 100 คันแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 300 คัน ในเดือนหน้านี้ และได้มีการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยกำหนด 2 กิโลเมตรแรกที่ 50 บาท กิโลเมตรที่ 2-15 อยู่ที่กิโลเมตรละ 12 บาท และหลังกิโลเมตรที่ 15 ไปแล้ว อยู่ที่กิโลเมตรละ 10 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาเดิม 43%








 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น