xs
xsm
sm
md
lg

รอง ผบช.ภ.8 ตั้งคณะสางคดีเผารถ เผยเจ้าของรถเช่าเตรียมจ่อฟ้องแพ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - รอง ผบช.ภ.8 ตั้งคณะพนักงานสอบสวนสางคดีเผารถ เผยเอกชนซึ่งเป็นเจ้าของรถเช่าเตรียมจ่อฟ้องแพ่ง ขณะที่ผู้ประกอบการรับซื้อยางเผยตุนยาง 2.7 หมื่นตันเป็นเรื่องปกติ อย่างมาอ้างเป็นนายทุนหนุนม็อบ

วันนี้ (20 ก.ย.) สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพารา บริเวณแยกควนหนองหงษ์ ต.ควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กลุ่มเกษตรกรยังคงชุมนุมด้วยวิธีการรวมกลุ่ม โดยไม่มีเวที เครื่องขยายเสียง หรือเต็นท์ที่พัก และการจราจรยังคงถูกปิดกั้น และในช่วงสายของวันนี้ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทีมทนายความของนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความที่ปรึกษา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้นำตัวผู้ต้องหา จำนวน 5 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด โดยมี พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ ทิพย์รัตน์ ผู้กำกับการสืบสวนภูธรนครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าทีมพนักงานสอบสวนในคดีเกี่ยวการชุมนุมทั้ง 3 รอบ เป็นผู้รับการรายงานตัว

ซึ่งผู้ต้องจำนวน 5 คน จากทั้งหมด 8 คน โดยเบื้องต้น 5 รายนั้นถูกจับกุมในขณะเข้าสลายการชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2556 ซึ่งได้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว ในข้อหาร่วมกันปิดกั้นการจราจร หรือนำสิ่งใดกีดขวางในลักษณะที่เกิดอันตรายหรือเสียหายแก่การจราจร โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนอีก 3 รายนั้น อยู่ กทม. 1 ราย มารายตัวแล้ว 1 ราย และอีกอยู่ในระหว่างการควบคุมตัว 1 ราย

พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ ทิพย์รัตน์ ผกก.สอบสวน ภ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยผู้ต้องหาจะต้องเข้ารายงานตัวอย่างเป็นทางการก่อน และจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาให้เจ้าตัวทราบ จากนั้นจะเข้าสู่การสอบสวน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา และสอบปากคำผู้ต้องหากว่า 2 ชม. โดยในเวลา 13.00 น. ได้แจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติม คือ ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เพิ่มขึ้นจากข้อหาเดิม คือ ร่วมกันปิดกั้นการจราจร หลังจากนั้นไม่นานนักปรากฏว่า ได้มีผู้ชุมนุมมาแสดงตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ คือ นางอุตส่าห์ เขตนคร อายุ 43 ปี อยู่ 83/2 ม.5 ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยเจ้าตัวได้ระบุว่า ทราบว่าเจ้าหน้าที่เตรียมที่จะออกหมายจับกุม เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นคนยุยงให้มีการปิดถนนเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขอยืนยันว่าไม่ได้ยุยง แต่อาจเนื่องจากมีบุคลิกที่โผงผางเสียงดัง แต่เป็นไปเพราะความเดือดร้อนของชาวบ้านจึงถูกเพ่งเล็งว่าเป็นแกนนำ

น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความของผู้ต้องหาชุดแรก เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาชุดนี้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2556 ในชุดนี้มี 8 คน มีผู้ที่มารับทราบข้อกลล่าวหาเพิ่มเติม 5 คน มี 2 ข้อหาเท่านั้น ซึ่งได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา หลังจากนี้จะสอบข้อเท็จจริงของแต่ละคนมาพิมพ์เป็นเอกสาร และจะตรวจทานว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่ หลังจากนั้น จะนำมายื่นต่อพนักงานสอบสวนได้เลย และมีหลักฐานเพิ่มเติม คือ คลิปวิดีโอ หรือภาพถ่ายต่างๆ รวมทั้งพยานเพิ่มเติมที่ระบุว่า ผู้ต้องหาแต่ละคนทำอะไรอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะบางคนที่เห็นชัดเจนว่าถูกเจ้าหน้าที่ลากตัวไป

พล.ต.ต.วิษณุ ม่วงแพรศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งได้มาอำนวยการยังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ส่วนหน้าที่ สภ.ชะอวด เปิดเผยว่า ในส่วนของคดีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2556 ที่มีการปะทะกันนั้น พนักงานสอบสวนได้รับคดีไว้แล้ว โดยเฉพาะคดีการเผารถยนต์ของทางราชการ โดยได้มอบให้ พ.ต.อ.ภิญโญ หวลกสินธ์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ขณะเดียวกัน ตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 เข้าร่วมสอบสวนดำเนินคดีร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนของตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช โดยมี พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน

“ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานในกรณีวันที่ 16 ส.ค.2556 จำนวน 111 ปาก เสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีการพิสูจน์ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ พบว่าเบื้องต้นนั้นมีผู้ที่อยู่ในข่ายจะต้องออกหมายจับแล้วจำนวน 10 คน ในคดีการชุมนุมปิดถนน คดีวางเพลิงเผาทรัพย์ คือ รถยนต์ของทางราชการ และคดีลักทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่อยู่ในรถของเจ้าหน้าที่ ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้นจะว่าไปตามพยานหลักฐาน”

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของความเสียหายเกี่ยวกับการเผารถยนต์ของทางราชการนั้น เป็นรถของบริษัทเอกชนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เช่าใช้ โดยตำรวจเป็นผู้ครอบครอง ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตำรวจสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เลย แต่ในส่วนความเสียหายนั้นจะต้องไปดูต่อว่าเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยว่ามีความครอบคลุมในกรณีที่เกิดขึ้นหรือไม่ ต้องดูกันอีกครั้งแต่ในความเสียหายนั้นเป็นไปได้ว่าจะมีการฟ้องร้องทางแพ่งตามมาในภายหลัง

ด้านความเคลื่อนไหวของผู้ผลิต และส่งออกยางพารารายใหญ่ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารสมาคมยางพาราไทย แต่ไม่เปิดเผยชื่อ ได้แสดงความเห็นต่อเรื่องการระบุถึงการสต๊อกยาง 27 ล้านกิโลกรัม หรือ 2.7 หมื่นตัน ของนายทุน โดยสงสัยว่าเป็นผู้สนับสนุนผู้ชุมเพื่อหวังผลกำไรว่า ข้อเท็จจริงนั้นขณะนี้ไม่มีการสต๊อกยางที่ผิดปกติเลย ให้ตรวจสอบตัวเลขย้อนหลังกับกรมวิชาการเกษตรกรได้

“ผมเห็นว่าการเก็บยางขณะนี้เป็นปกติมาก เก็บน้อยลงไปด้วยซ้ำเนื่องจากความผันผวนของตลาดยี่ปั๊ว เก็บ 1-2 หมื่นกิโลกรัม เป็นเรื่องปกติของการซื้อมาขายไป โรงงานใหญ่ๆ เก็บสต๊อกเป็น 4-5 พันตัน เป็นปกติของโรงงาน แต่ละโรงงานเก็บระดับนี้ทั้งนั้น เพราะต้องผลิต ต้องรม ล้าง หลายขั้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงการส่งออก แค่ 4-5 โรงนั้นยอดก็เกิน 2.7 ล้านกิโลกรัม หรือ 27,000 ตันแล้ว”

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น