“กิตติรัตน์” ตบปากพวกเดียวกันเอง อย่าด่วนสรุปเอกชนหนุนม็อบตุนยางพาราหวังเก็งกำไร ชี้การทำธุรกิจต้องมีสต๊อกอยู่แล้ว แต่หากพบนายทุนทำผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย ด้านรองโฆษกรัฐบาล เฉ่ง “มาร์ค” เลิกกล่าวหา บิดเบือน ใส่ร้ายรัฐบาลทิ้งคนใต้ ยันจริงใจช่วยเหลือให้เงินอุดหนุนไร่ละ 2,520 บาท เท่ากับกิโลฯ ละ 90 บาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า กระแสข่าวมีบริษัทเอกชนกักตุนสต็อกยางไว้ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชนั้น อย่าเพิ่งไปคิดว่าเป็นการกักตุน เพราะส่วนหนึ่งอาจเก็บไว้เพื่อทำธุรกิจ ทั้งนี้ คิดว่าฝ่ายราชการจะต้องทราบสถานะของสต็อกยางในระบบ
“หากเกิดข้อสังสัยว่าคนที่มีสต็อกจำนวนมากนั้นจะเกี่ยวข้องกับผู้ที่ออกมาชุมนุมหรือไม่ คนที่สงสัยก็มีสิทธิ์ แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าทุกรายที่มีสต็อกยางจะเข้าไปสนับสนุนการชุมนุม เพราะธุรกิจปกติต้องมีสินค้าคงคลังไว้อยู่บ้าง แต่หากรายใดไม่ได้อยู่ในกระบวนการธุรกิจปกติ ขอให้ท่านเหล่านั้นชี้แจงว่าได้เตรียมการอะไรไว้หรือไม่อย่างไร และหากมีหลักฐานไปเชื่อมโยงว่าสนับสนุนก็เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่ต้องกังวล”
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากพบว่ามีนายทุนสต๊อกยางเข้าไปสนับสนุนการชุมนุมนั้น ถ้ามีเจตนาไปถึงขั้นก่อความวุ่นวายปิดกั้นระบบคมนาคม ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าสนับสนุนให้ทำในเรื่องที่เรียบร้อย ก็เป็นสิทธิที่กระทำได้
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ให้ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับมาตรการของรัฐบาลในการช่วยเหลือชาวสวนยาง ทั้งนี้ รัฐบาลขอยืนยันว่า ไม่ได้เบี้ยวชาวสวนยาง เพราะการให้เงินช่วยเหลือ ไร่ละ 2,520 บาทนั้น จะทำให้ชาวสวนยาง มีรายได้ประมาณกิโลกรัมละ 90-91 บาท ตามที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง โดยเกษตรกรจะได้กำไรราว 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจาก เกษตรกรให้ข้อมูลกับรัฐบาลว่า ต้นทุนปลูกยาง อยู่ที่ ไร่ละ 75 บาท ดังนั้น ถึงแม้ว่ามาตรการช่วยเหลือดังกล่าว จะไม่ใช่การแทรกแซงราคา หรือการประกันราคา แต่ชาวสวนยางก็จะได้รายได้เท่ากับที่เรียกร้อง คือ กิโลกรัมละ 90 บาท ซึ่งถ้าเรียกร้องเท่านี้ รัฐบาลก็ยอมรับได้ เนื่องจาก ไม่กระทบวินัยการคลังของประเทศ และถือว่าเป็นข้อเรียกร้องที่สมเหตุสมผล ซึ่งก็เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างชาวสวนยางกับกับผู้แทนของรัฐบาลที่ยกคณะไปเจรจาถึงในพื้นที่
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า โดยความช่วยเหลือจะถึงมือเกษตรกรตัวจริง ไม่ได้ช่วยแต่นายทุนอย่างที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา และเป็นการให้เงินสด ไม่ได้ให้ปุ๋ย อย่างที่มีการบิดเบือน นอกจากนี้ รัฐบาลก็ไม่ได้เห็นพี่น้องชาวสวนยางเป็นศัตรู แลไม่ได้ต้องการใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชนอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ใส่ร้ายด้วย แต่ที่ผ่านมามีการปิดถนน และเผาทรัพย์สินของทางราชการที่ซื้อโดยใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และ ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จึงขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่ความวุ่นวายยังไม่ยุติ ทั้งๆ ที่เกษตรกรส่วนใหญ่ ก็ได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว แสดงว่า เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่งใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลัง ก็ขอให้หยุดได้แล้ว
ส่วนการที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลงไปในพื้นที่ ถือเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ และจะเป็นประโยชน์ ถ้าลงไปช่วยพูดคุยไม่ให้เกิดความรุนแรง เพราะบ้านเมืองกำลังไปได้สวย ทุกฝ่ายก็ควรช่วยกันรักษาบรรยากาศที่ดีของบ้านเมือง แต่ถ้าลงไปพูดจาใส่ร้ายบิดเบือน ทำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจผิดในตัวรัฐบาล ก็ไม่มีประโยชน์เพราะจะยิ่งสร้างความแตกแยกและเพิ่มความบอบช้ำให้ประเทศ ทั้งยังจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากลำบากขึ้น นอกจากนี้ ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เลิกกล่าวหารัฐบาลว่าทอดทิ้งคนใต้ได้แล้ว รัฐบาลขอยืนยันว่า ถึงแม้ว่าภาคใต้จะไม่ใช่ฐานเสียงของพรรค แต่คนภาคใต้ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเทียมกัน