นครศรีธรรมราช - นักวิชาการใต้เตรียมเคลื่อนไหวหนุนผู้ชุมนุมดิ้นรนเพื่อปากท้อง ด้าน ผบก.นครศรีฯ แย้มเตรียมออกหมายจับต่อเนื่อง ขณะที่แกนนำท่าศาลายันเดินหน้าหากรัฐบาลยังปฏิเสธความช่วยเหลือ
วันนี้ (9 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า นายอำนวย ยุติธรรม แกนนำภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งรวม จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ราชบุรี ด้วย เปิดเผยว่า ขณะนี้การรวมตัวของกลุ่มตัวแทนของเกษตรกรมีเอกภาพเป็นอย่างมาก ในเรื่องของราคายางพารานั้นมติของกลุ่มภาคีเครือข่ายฯ เรายังคงยืนยันใน 2 แนวทาง คือ
1.เรายอมรับในราคา 90 บาท แต่รัฐบาลต้องไม่ยกเลิกการสนับสนุนปัจจัยการผลิต 1,260 บาทต่อไร่
และ 2.รัฐต้องสนับสนุนราคารยางที่ 95 บาท สามารถยกเลิกการสนับสนุนปัจจัยการผลิตได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่เราเสนอทางเลือกให้แก่รัฐบาล เป็นการต่อรองให้พบกันครึ่งทาง
“อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวนั้นขึ้นอยู่กับเกษตรกร และประชาชนว่ามีความพอใจมากน้อยแค่ไหน แต่ในวันที่ 14 ก.ย.นั้น จะมีความเคลื่อนไหวกันอย่างแน่นอน แต่ละจังหวัดจะไปเข้าร่วมกันเคลื่อนไหวในจุดนัดหมาย ซึ่งหากมีประชาชนมากพอเราก็จะยกระดับกันไปตามมติ” นายอำนวย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ กลุ่มนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในภาคใต้ จะมารวมตัวกันที่อาคารนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกับแกนนำชุมชนจากหลายพื้นที่จะมาร่วมกันแสดงความเห็น และสะท้อนความจริงของปัญหาปากท้อง รวมทั้งนโยบายของรัฐ เพื่อเป็นการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยาง และสวนปาล์มน้ำมัน
ผบก.นครศรีธรรมราช เตรียมออกหมายจับเพิ่ม
ส่วนความคืบหน้าของการดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (9 ก.ย.) พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของการดำเนินคดีนั้น กลุ่มแรกคือ การจับกุมตามความผิดซึ่งหน้าขณะร่วมกันชุมนุมเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2556 จำนวน 13 คน โดยได้ปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากนี้จะออกหมายเรียกมาดำเนินคดี หากไม่มาจะนำไปสู่หมายจับ ส่วนในกลุ่มที่ 2 คือ ผู้ที่ศาลได้ออกหมายจับแล้ว 11 คน เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวมาดำเนินคดี
พล.ต.ต.รณพงศ์ ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนเตรียมขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมในข้อหาตามความผิด พ.ร.บ.จราจร ด้วยการรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีเพียงพอหรือไม่ มีผู้ที่เข้าข่ายกี่ราย และจะเสนอต่อศาลอีกครั้ง ทั้งนี้ กระบวนการทั้งหมดขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะมีนโยบายอย่างไร
วันนี้ (9 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า นายอำนวย ยุติธรรม แกนนำภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งรวม จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ราชบุรี ด้วย เปิดเผยว่า ขณะนี้การรวมตัวของกลุ่มตัวแทนของเกษตรกรมีเอกภาพเป็นอย่างมาก ในเรื่องของราคายางพารานั้นมติของกลุ่มภาคีเครือข่ายฯ เรายังคงยืนยันใน 2 แนวทาง คือ
1.เรายอมรับในราคา 90 บาท แต่รัฐบาลต้องไม่ยกเลิกการสนับสนุนปัจจัยการผลิต 1,260 บาทต่อไร่
และ 2.รัฐต้องสนับสนุนราคารยางที่ 95 บาท สามารถยกเลิกการสนับสนุนปัจจัยการผลิตได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่เราเสนอทางเลือกให้แก่รัฐบาล เป็นการต่อรองให้พบกันครึ่งทาง
“อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวนั้นขึ้นอยู่กับเกษตรกร และประชาชนว่ามีความพอใจมากน้อยแค่ไหน แต่ในวันที่ 14 ก.ย.นั้น จะมีความเคลื่อนไหวกันอย่างแน่นอน แต่ละจังหวัดจะไปเข้าร่วมกันเคลื่อนไหวในจุดนัดหมาย ซึ่งหากมีประชาชนมากพอเราก็จะยกระดับกันไปตามมติ” นายอำนวย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ กลุ่มนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในภาคใต้ จะมารวมตัวกันที่อาคารนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกับแกนนำชุมชนจากหลายพื้นที่จะมาร่วมกันแสดงความเห็น และสะท้อนความจริงของปัญหาปากท้อง รวมทั้งนโยบายของรัฐ เพื่อเป็นการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยาง และสวนปาล์มน้ำมัน
ผบก.นครศรีธรรมราช เตรียมออกหมายจับเพิ่ม
ส่วนความคืบหน้าของการดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (9 ก.ย.) พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของการดำเนินคดีนั้น กลุ่มแรกคือ การจับกุมตามความผิดซึ่งหน้าขณะร่วมกันชุมนุมเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2556 จำนวน 13 คน โดยได้ปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากนี้จะออกหมายเรียกมาดำเนินคดี หากไม่มาจะนำไปสู่หมายจับ ส่วนในกลุ่มที่ 2 คือ ผู้ที่ศาลได้ออกหมายจับแล้ว 11 คน เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวมาดำเนินคดี
พล.ต.ต.รณพงศ์ ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนเตรียมขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมในข้อหาตามความผิด พ.ร.บ.จราจร ด้วยการรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีเพียงพอหรือไม่ มีผู้ที่เข้าข่ายกี่ราย และจะเสนอต่อศาลอีกครั้ง ทั้งนี้ กระบวนการทั้งหมดขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะมีนโยบายอย่างไร
