ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติดตามคดียิงกำนันสงขลา 2 ศพ เผยสามารถออกหมายจับมือปืน 1-3 คน อีก 2 วัน โดยหนึ่งในมือปืนทราบตัวแล้วอยู่อันดับ 4 บัญชีดำมือปืนรับจ้างตำรวจภูธรภาค 9 และติดหนึ่งในร้อยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนเผยขาดพยานที่จะมาชี้ตัวยืนยันเพราะกลัวไม่ปลอดภัย
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่ สภ.สิงหนคร จ.สงขลา พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดียิงถล่ม นายสิทธิชัย ชุมอิน หรือกำนันสิทธิ์ กำนัน ต.วัดจันทร์ อ.สทิงพระ และ นายประสิทธิ์ ลิ่มจู้ สารวัตรกำนันคนสนิทเสียชีวิตพร้อมกัน 2 ศพ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยได้รับฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าทางคดีของทีมสืบสวนทั้ง 3 ชุด รวมทั้งทีมสอบสวน รวมทั้งตรวจวัตถุพยานต่างๆ ทั้งอาวุธปืน 3 กระบอก ของผู้ตายทั้ง 2 คน มีปืนลูกซองยาว 1 กระบอก 9 มม. 2 กระบอก และเครื่องกระสุน รวมทั้งของกลางซึ่งเป็นลูกกระสุนปืนเอ็ม16 และอาก้า ของคนร้าย พร้อมกับวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนให้แก่ชุดคลี่คลายคดี ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะออกมาดูสภาพรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แค็บ รุ่นไฮแลนเดอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ผต 368 สงขลา ของผู้ตาย และการประมวลเหตุการณ์ของชุดสืบสวนขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุ
พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งการสอบสวนพยานบุคคล และการรวมรวบพยานวัตถุ โดยได้สอบปากคำพยานไปแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ปาก ส่วนหลักฐานปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และอาก้า ของคนร้ายได้ส่งตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 เพื่อนำมาเชื่อมโยงกับคดีเก่าทั้งฝ่ายผู้ตายและคู่อริ ซึ่งจากพยานหลักฐานขณะนี้คาดว่าน่าจะสามารถออกหมายจับกลุ่มคนร้ายได้ภายใน 2 วันนี้ อย่างน้อย 1-3 คน
โดยเฉพาะหนึ่งในมือปืนที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลอยู่แล้ว เป็นมือปืนรับจ้างที่อยู่ในบัญชีดำอันดับ 4 ของตำรวจภูธรภาค 9 และติดหนึ่งในร้อยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งการออกหมายจับได้กำชับให้รวบรวมพยานหลักฐานให้หนาแน่นที่สุด โดยเฉพาะอาวุธปืน และรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทันสีดำ 4 ประตู ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปยังกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นคูอริเก่าของผู้ตายที่ยิงกันไปยิงกันมาอย่างน้อย 4 คดี และได้สั่งการให้ตั้งด่านตรวจต่อเนื่องไปอีก 10 วัน เพื่อดูความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันนี้
และคดีนี้ไม่ยากเพราะเจ้าหน้าที่มีข้อมูลเก่าอยู่แล้ว และก่อนที่จะมีการยิงก็ทราบข่าวล่วงหน้าว่าจะมีการก่อเหตุขึ้น ทั้งนี้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ได้ตำหนิการทำงานของตำรวจในพื้นที่ที่ปล่อยปละละเลยไม่มีการตั้งด่านตรวจทำให้คนร้ายสามารถหลบหนีไปได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบว่า ปัญหาใหญ่ที่ยังไม่สามารถออกหมายจับคนร้ายได้ในขณะนี้ คือ ขาดพยานบุคคลมาชี้ตัวยืนยันรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย ตามภาพจากกล้องวงจรปิด เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะพฤติกรรมในการก่อเหตุของคนร้ายนั้นโหดเหี้ยม เจ้าหน้าที่จึงพยายามติดตาม และเกลี้ยกล่อมเพื่อให้พยานให้ความร่วมมือ จึงต้องเน้นไปที่พยานวัตถุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ให้แน่นหนาที่สุด
