xs
xsm
sm
md
lg

แม่ทัพภาค 4 มั่นใจประชาชนรู้ดีว่าใครรักประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พลโท สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4
เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าว “รวมพลัง พสบ.สร้างสันติสุขชายแดนใต้” ที่ห้องเก้าแสน โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า หาดใหญ่ โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นของกองทัพบก โดยกรมกิจการพลเรือนทหารบก ร่วมกับ ชมรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารชายแดนใต้ หรือ พสบ. โดยจะจัดพร้อมกันทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยการใช้หลักศาสนาทุกศาสนาในพื้นที่ ผนึกพลังประชาชนทุกหมู่เหล่า และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งเพื่อเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ระหว่างคนในชาติในเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความเสียสละ ตลอดจนตระหนักถึงความปรารถนาดีของเพื่อนร่วมชาติ

ทีมข่าว “ASTVผู้จัดการภาคใต้” จึงมีโอกาสได้สัมภาษณ์ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 ถึงประเด็นเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้

“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : เหตุการณความรุนแรงที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยช่วงนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุมุ่งเป้าไปที่ผู้นำศาสนา ครูทั้งไทยพุทธ ทั้งมุสลิม และฝ่ายตรงข้ามพยายามจะป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ โดยทำให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจผิด และคิดว่าทหาร ตำรวจเป็นศัตรูของมุสลิม?

พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 : โดยปกติในบ้านเมืองของเรามันก็มีหลายปัญหา มีความขัดแย้งในระดับบุคคลในระดับหมู่บ้าน ในระดับชุมชน หรือในระดับกลุ่มในระดับสังคมต่างๆ ซึ่งความขัดแย้งเหล่านี้ถ้าหากต้องไปถึงจุดที่ต้องใช้ความรุนแรงต่อกัน ความรุนแรงก็จะเกิดมาโดยต่อเนื่องไม่ว่าจะในระดับใด แต่ที่เป็นที่น่าสังเกตคือว่า มีการพยายามที่จะใส่ร้ายป้ายสีให้แก่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของตัวเอง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรในระหว่างการรอพิสูจน์ทราบอยู่ ต่างฝ่ายต่างก็มีการกล่าวหากัน และฉวยโอกาสจากการเสียชีวิตของผู้คนไปเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองที่ต้องการ

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องยาเสพติด หรือเรื่องภัยต่างๆ ก็มักจะมีการแสวงประโยชน์ด้วยการออกใบปลิวกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และเมื่อมีประชาชนเสียชีวิต ประชาชนถูกสังหาร มักจะมีการออกมาปฏิเสธว่า ตัวเองไม่ได้ทำ และมีการหลีกเลี่ยงว่าประชาชนไปอยู่ในสถานที่ที่เขาจะปฏิบัติเอง ซึ่งเป็นการกล่าวอย่างขาดความรับผิดชอบ

จึงอยากจะให้พวกเรารับผิดชอบต่อความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ว่า ความเป็นจริงที่ใช้ความรุนแรงส่งผลกระทบความเสียหายให้แก่พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้นำศาสนา หรือชีวิตของประชาชนตัวเล็กๆ หรือชีวิตของเจ้าหน้าที่ตัวใหญ่ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นชีวิตทั้งสิ้น ถ้าใช้ความรุนแรงในการตัดสิน ชีวิตต่างๆ เหล่านี้จะต้องสูญเสียไปอีกไม่รู้สักเท่าไหร่ ตรงนี้เองก็อยากจะเรียกร้องว่าจะต้องยุติความรุนแรงให้ได้

: หลายๆ ครั้งที่มีการนำเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น โยนเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะตำรวจ ทหาร กลายเป็นศัตรูของประชาชนไปแล้ว ?
: จริงๆ แล้วไม่ใช่นะ ประชาชนรู้ดีว่าใครรักประชาชน เพราะจากที่เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงาน ไปอยู่ในหมู่บ้านแล้ว ได้มีการทำความเข้าใจกับประชาชน คนที่อยากจะเชื่อก็เชื่อโดยไม่ต้องฟังเหตุผล เพราะมีความโน้มเอียงที่จะเชื่อ มีความโน้มเอียงที่จะใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นอยู่แล้ว และฉวยโอกาส แต่คนที่เขามีเหตุผลเขาจะรู้เลยว่าเรื่องนี้ใครทำ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งการเผยแพร่อะไรต่างๆ การกล่าวหาการใส่ร้ายนั้น เป็นเรื่องของกลุ่มการเมืองที่กระทำ แต่คนที่เชื่อนั้นถ้ามีแนวความคิดทางการเมืองในแบบเดียวกันก็อาจจะหาเรื่องเชื่อ แต่คนที่เขาไม่ได้สนใจ เขาเห็นว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องที่เลวร้ายเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเขาไม่เชื่อหรอก ไม่ว่าจะเขียนใบปลิวอีกสักกี่พันใบ ไม่ว่าจะไปพูดซุบซิบอีกสักเท่าไหร่ ข้อเท็จจริงมันมีครับ

: จากกรณีมีการติดแขวนป้ายผ้า หรือวางวัตถุระเบิด วัตถุต้องสงสัย ทำไมขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุปฏิบัติการจึงไม่สามารถมีการจับกุมได้ หรือเจ้าหน้าที่ยังมีช่องโหว่ ?

: โดยปกติการปฏิบัติการเหล่านี้มันเป็นการปฏิบัติการที่ซ่อนพรางได้ง่าย ซุกซ่อนได้ง่าย และใช้เวลาในการปฏิบัติการสั้น ซึ่งการปฏิบัติการตรงนี้อาจจะใช้เวลากลางคืนที่รัศมีการตรวจการมองได้ไม่ไกล และเมื่อเวลาเราเข้าไปตรวจ เมื่อได้ยินเสียง ได้ยินอะไรต่างๆ เขาก็จะเก็บซ่อนตัวอยู่ในป่า แต่อย่างไรก็ตาม เราก็มีการจับกุมได้ ผู้ที่กระเขาก็จะใช้รถขนป้ายตามมา และมีคนช่วยทัน ใช้เวลาเพียงสั้นๆ แต่การแขวนป้ายผ้าเราถือว่าเป็นการแสดงออกทางการเมืองที่สันติ ก็ดีกว่าการเอาระเบิดมาวาง ดีกว่ามายิงกัน แล้วเมื่อเราจับกุมได้ก็เอามาซักไซ้ไล่เรียงว่าเรื่องราวเป็นยังไง มีความคิดเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาก็จับได้ 2-3 ราย ก็ไม่ได้ฆ่ากัน ไม่ได้เอาไปเชือดคอทิ้งหรือไปอะไร ก็เอามานั่งคุยกันกินน้ำชากัน แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราจะต้องร่วมกันปฏิเสธว่าการใช้ความรุนแรงไม่มีหนทางแห่งความสำเร็จ

: กลายเป็นตอนนี้มีประโยคหนึ่งที่ว่า “เวลากลางคืนเป็นของโจร เวลากลางวันเป็นของทหาร” ?
: อ๋อ อันนี้เป็นภาษาเดิมครับ ในสมัยสงครามพรรคคอมมิวนิสต์อยู่ ซึ่งมีการกล่าวกันว่า “กลางวันเป็นของนาย กลางคืนเป็นของโจร” เป็นของคอมฯ ก็มีการเลียนแบบเอามาพูดกันให้ขำขันไป แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเวลามันมีกลางวันกลางคืน พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกของทุกวัน พระอาทิตย์เป็นของทุกคน และพระจันทร์ก็เป็นของทุกคน เพราะฉะนั้นในพื้นที่นี้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ขอแต่เพียงว่าจิตใจเรามีความสุขแล้ว พระจันทร์ก็สวย พระอาทิตย์ก็สว่างไสวให้ความอบอุ่น...
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น