ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สปต.ชี้ 3 ประเด็นให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ปรับแผนคุ้มครองโรงงาน ประชาชน และการสื่อสารกับสังคมพร้อมเร่งสืบสวนคดีฆ่าอิหม่ามยะโก๊บ หร่ายมณี และฆ่านายอับดุลรอปา ปูแทน เจ้าของโรงเรียนสอนศาสนา
วันนี้ (17 ส.ค.) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ สปต.เปิดเผยว่า ทางคณะการสื่อสารและการมีส่วนร่วมภาคประชาชนได้ประชุมร่วมกับตัวแทน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และตัวแทน ผอ.สำนักต่างๆ ของ ศอ.บต. เพื่อรับฟังปัญหา และการเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบ และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยที่ประชุมได้มีการหยิบยกกรณี นายฮัสซัน ตอยิบ ตัวแทนบีอาร์เอ็นฯ ได้ปฏิเสธว่า การฆ่าอิหม่ามยะโก๊บ หร่ายมณี การฆ่านายอับดุลรอปา ปูแทน เจ้าของโรงเรียนสอนศาสนา และบุคคลอื่นๆ ไม่ใช่ฝีมือของบีอาร์เอ็น โดยทาง สปต.ได้ขอให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการสืบสวนหากลุ่ม “แนวร่วม” ที่ก่อเหตุ เพื่อแจ้งให้ประชาชนรับทราบโดยเร็ว เนื่องจากเกิดเหตุกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ได้ใช้สื่อโซเชียล มีเดีย ประโคมข่าวว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ จนส่งผลให้ประชาชนเข้าในผิด และมีการประกาศจากกลุ่มแนวร่วมว่า จะมีการตอบโตเพื่อแก้แค้น
นอกจากนี้ ทาง สปต.ยังขอให้ กอ.รมน. เร่งป้องกันเหตุร้าย โดยเฉพาะเป้าหมายที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ และย่านการค้าของชาวไทยพุทธ และชาวไทยเชื้อสายจีน โดยขอให้ส่งกำลังให้ความคุ้มครองโรงงานอุตสาหกรรม และย่านการค้าซึ่งมีอยู่ไม่มาก ก่อนที่จะถูกแนวร่วมวางเพลิง วางระเบิด อย่างที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัด เมื่อสัปดาห์ก่อน รวมถึงการปรับแผนให้มีการส่งกำลังออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันเหตุร้ายในเวลากลางคืน เพราะประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนว่า ในเวลากลางคืนไม่มีกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือน ทำการลาดตระเวน ทำให้แนวร่วมมีเสรีในการก่อการร้าย จนมีการกล่าวจากชาวบ้านว่า “กลางวันเป็นเวลาของทหาร ส่วนกลางคืนเป็นเวลาของโจร”
และประเด็นสุดท้ายคือ กรณี กอ.รมน.ได้ทำการแถลงข่าวเพื่อให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงของสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนไม่เชื่อถือ จึงต้องการให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไปหาแนวทางการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนเชื่อถือ หรือหาหน่วยงาน หรือองค์กรที่มีต้นทุนทางสังคมที่ประชาชนเชื่อถือ ทำการสื่อสารให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งให้มีการทำความเข้าใจกับสำนักข่าวที่เป็นโซเชียล มีเดียในรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่
ซึ่งกลายเป็นกระบอกเสียงให้แก่ฝ่ายแนวร่วม ทำการเสนอข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรอง และมีเจตนาในการป้ายสีหน่วยงานของรัฐ ซึ่งขณะนี้สื่อแบบโซเชียล มีเดียมีบทบาทมากในพื้นที่ และเป็นปัญหาความมั่นคง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
วันนี้ (17 ส.ค.) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ สปต.เปิดเผยว่า ทางคณะการสื่อสารและการมีส่วนร่วมภาคประชาชนได้ประชุมร่วมกับตัวแทน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และตัวแทน ผอ.สำนักต่างๆ ของ ศอ.บต. เพื่อรับฟังปัญหา และการเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบ และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยที่ประชุมได้มีการหยิบยกกรณี นายฮัสซัน ตอยิบ ตัวแทนบีอาร์เอ็นฯ ได้ปฏิเสธว่า การฆ่าอิหม่ามยะโก๊บ หร่ายมณี การฆ่านายอับดุลรอปา ปูแทน เจ้าของโรงเรียนสอนศาสนา และบุคคลอื่นๆ ไม่ใช่ฝีมือของบีอาร์เอ็น โดยทาง สปต.ได้ขอให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการสืบสวนหากลุ่ม “แนวร่วม” ที่ก่อเหตุ เพื่อแจ้งให้ประชาชนรับทราบโดยเร็ว เนื่องจากเกิดเหตุกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ได้ใช้สื่อโซเชียล มีเดีย ประโคมข่าวว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ จนส่งผลให้ประชาชนเข้าในผิด และมีการประกาศจากกลุ่มแนวร่วมว่า จะมีการตอบโตเพื่อแก้แค้น
นอกจากนี้ ทาง สปต.ยังขอให้ กอ.รมน. เร่งป้องกันเหตุร้าย โดยเฉพาะเป้าหมายที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ และย่านการค้าของชาวไทยพุทธ และชาวไทยเชื้อสายจีน โดยขอให้ส่งกำลังให้ความคุ้มครองโรงงานอุตสาหกรรม และย่านการค้าซึ่งมีอยู่ไม่มาก ก่อนที่จะถูกแนวร่วมวางเพลิง วางระเบิด อย่างที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัด เมื่อสัปดาห์ก่อน รวมถึงการปรับแผนให้มีการส่งกำลังออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันเหตุร้ายในเวลากลางคืน เพราะประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนว่า ในเวลากลางคืนไม่มีกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือน ทำการลาดตระเวน ทำให้แนวร่วมมีเสรีในการก่อการร้าย จนมีการกล่าวจากชาวบ้านว่า “กลางวันเป็นเวลาของทหาร ส่วนกลางคืนเป็นเวลาของโจร”
และประเด็นสุดท้ายคือ กรณี กอ.รมน.ได้ทำการแถลงข่าวเพื่อให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงของสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนไม่เชื่อถือ จึงต้องการให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไปหาแนวทางการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนเชื่อถือ หรือหาหน่วยงาน หรือองค์กรที่มีต้นทุนทางสังคมที่ประชาชนเชื่อถือ ทำการสื่อสารให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งให้มีการทำความเข้าใจกับสำนักข่าวที่เป็นโซเชียล มีเดียในรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่
ซึ่งกลายเป็นกระบอกเสียงให้แก่ฝ่ายแนวร่วม ทำการเสนอข่าวที่ยังไม่ได้กลั่นกรอง และมีเจตนาในการป้ายสีหน่วยงานของรัฐ ซึ่งขณะนี้สื่อแบบโซเชียล มีเดียมีบทบาทมากในพื้นที่ และเป็นปัญหาความมั่นคง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
