ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จ่ายยาแรงแก้ไขสารพัดปัญหาเมืองท่องเที่ยวภูเก็ต มั่นใจลดคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาจัดการทั้งเรื่องคดีค้างเก่า ยาเสพติด รถแท็กซี่ป้ายดำ รวมทั้งการละเมิดลิขสิทธิ์สินค้า ขณะที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวยืนยันทำงานต่อเนื่องไม่ใช่ทำแบบไฟไหม้ฟางแน่นอน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานประชุมระดมกวาดล้างการจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต เพื่อชี้แจงการปฏิบัติงานการระดมกำลังกวาดล้างการจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมี พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิษณุ ม่วงแพรศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยงานที่เกี่ยวเข้าร่วมประชุม รวมทั้งขนส่งจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต จัดงานจังหวัดภูเก็ต สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม การประชุมในครั้งนี้ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งปฏิบัติการ เรื่อง จัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ลงวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามจังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ภายใต้การบังคับบัญชาแบบบูรณาการของศูนย์เฉพาะกิจจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีอำนาจในการบูรณาการ บริหาร ปกครองบัญชาการ ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยดำเนินการใน 4 เมืองท่องเที่ยวสำคัญ ประกอบด้วย พัทยา สมุย ภูเก็ต และเชียงใหม่
โดยระดมกำลังตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจภูธร ตม. ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจปราบปรามอาชญากรทางเศรษฐกิจ กองบังคับการตำรวจปราบปราม ตำรวจกองกำกับการป้องกันและปราบปรามคุมครองผู้บริโภค และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว สำหรับการดำเนินการนั้น แบ่งระยะเวลาในการดำเนินการ 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนระหว่างวันที่ 16-31 ส.ค และช่วงระหว่างวันที่ 1-30 ก.ย.อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ผู้แทนจากตำรวจทุกหน่วยประกาศอย่างพร้อมเพรียงที่จะให้ความร่วมมือ และร่วมทำงานในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ต โดยพร้อมที่จะดำเนินการทุกเรื่อง ทั้งเรื่องของหมายจับค้างเก่า เรื่องของคดียาเสพติด และเรื่องของการกวาดล้างจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งเรื่องของรถแท็กซี่ป้ายดำที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่นักท่องเที่ยว โดยจะร่วมมือกับดีเอสไอในการทำงาน
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระท่องการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในที่ประชุม ว่า การปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจในครั้งนี้จะนำเสนอเข้า ครม.ในวันอังคารนี้ และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ในทุกเรื่องทั้งเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภค การปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ และเรื่องอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ยังมีการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องการหลอกลวงนักท่องเที่ยวด้วยการนำดอกไม้ไปเสียบกระเป๋าให้นักท่องเที่ยวแล้วขอเงินตอบแทน ซึ่งมีทั้งที่เป็นการกระทำของคนไทยเอง และคนต่างด้าวที่เข้ามาหากินบ้านเรา ซึ่งคนเหล่านี้แฝงตัวมาทำผิดหลายอย่าง หรือแม้กระทั่งแหล่งแลกเงินเถื่อนที่สนามบินภูเก็ต ซึ่งสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้อยากให้จัดการด้วย รวมทั้งรถจักรยานยนต์ป้ายดำให้เช่า ส่วนรถแท็กซี่ป้ายดำนั้น เป็นเรื่องที่ต้องจัดการอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ผู้ที่มีรายชื่ออาจจะเข้าข่ายเป็นมาเฟียนั้นมีหลายคนที่ไปพบตน แต่ตนก็ได้แนะนำให้ชี้แจงไปตามความเป็นจริง หากไม่ผิดใครก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากการประชุม นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิษณุ ม่วงแพรศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยืนยันว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาในเมืองท่องเที่ยวนั้นไม่ทำแบบไฟไหม้ฟางอย่างแน่นอน เพราะเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศออกมาแล้วและทุกหน่วยทำตาม ซึ่งขณะนี้เป็นการกำหนดแนวทางในการทำงานเพื่อสนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่ในการทำงาน ซึ่งจะต้องเดินหน้าการทำงานต่อไป รวมทั้งจะต้องมีการยกระดับหน่วยงานต่างๆ เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ให้ยกระดับเป็นกองบัญชาการ เช่นเดียวกับดีเอสไอ ที่จะต้องมีหน่วยประจำที่ภูเก็ต และการตั้งแผนกคดีท่องเที่ยวที่ภูเก็ต การทำงานจะต้องบูรณาการโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ขับเคลื่อน
ขณะที่ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นเหมือนหมอที่จ่ายยาเพื่อเยียวยาแก้ปัญหาให้แก่จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การปฏิบัติงานในครั้งนี้เป็นการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเข้ามาดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาของจังหวัดภูเก็ต โดยใช้กำลังพลประมาณ 2,000 นาย ในการดำเนินการ ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวช้องหลายฉบับด้วยกัน มั่นใจว่าหลังจากลงทำงานอย่างเต็มที่จะทำให้คดีต่างๆ ในภูเก็ตลดน้อยลงอย่างแน่นอนภายใน 45 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการระดมกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เมืองพัทยามาแล้ว พบว่าสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปได้จำนวนมาก จึงมั่นใจว่าจะทำได้อย่างแน่นอนในการลงพื้นที่ทำงานที่จังหวัดภูเก็ต
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานประชุมระดมกวาดล้างการจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต เพื่อชี้แจงการปฏิบัติงานการระดมกำลังกวาดล้างการจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมี พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิษณุ ม่วงแพรศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยงานที่เกี่ยวเข้าร่วมประชุม รวมทั้งขนส่งจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต จัดงานจังหวัดภูเก็ต สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม การประชุมในครั้งนี้ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งปฏิบัติการ เรื่อง จัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ลงวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามจังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ภายใต้การบังคับบัญชาแบบบูรณาการของศูนย์เฉพาะกิจจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีอำนาจในการบูรณาการ บริหาร ปกครองบัญชาการ ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยดำเนินการใน 4 เมืองท่องเที่ยวสำคัญ ประกอบด้วย พัทยา สมุย ภูเก็ต และเชียงใหม่
โดยระดมกำลังตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจภูธร ตม. ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจปราบปรามอาชญากรทางเศรษฐกิจ กองบังคับการตำรวจปราบปราม ตำรวจกองกำกับการป้องกันและปราบปรามคุมครองผู้บริโภค และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว สำหรับการดำเนินการนั้น แบ่งระยะเวลาในการดำเนินการ 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนระหว่างวันที่ 16-31 ส.ค และช่วงระหว่างวันที่ 1-30 ก.ย.อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ผู้แทนจากตำรวจทุกหน่วยประกาศอย่างพร้อมเพรียงที่จะให้ความร่วมมือ และร่วมทำงานในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ต โดยพร้อมที่จะดำเนินการทุกเรื่อง ทั้งเรื่องของหมายจับค้างเก่า เรื่องของคดียาเสพติด และเรื่องของการกวาดล้างจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งเรื่องของรถแท็กซี่ป้ายดำที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่นักท่องเที่ยว โดยจะร่วมมือกับดีเอสไอในการทำงาน
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระท่องการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในที่ประชุม ว่า การปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจในครั้งนี้จะนำเสนอเข้า ครม.ในวันอังคารนี้ และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ในทุกเรื่องทั้งเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภค การปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ และเรื่องอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ยังมีการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องการหลอกลวงนักท่องเที่ยวด้วยการนำดอกไม้ไปเสียบกระเป๋าให้นักท่องเที่ยวแล้วขอเงินตอบแทน ซึ่งมีทั้งที่เป็นการกระทำของคนไทยเอง และคนต่างด้าวที่เข้ามาหากินบ้านเรา ซึ่งคนเหล่านี้แฝงตัวมาทำผิดหลายอย่าง หรือแม้กระทั่งแหล่งแลกเงินเถื่อนที่สนามบินภูเก็ต ซึ่งสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้อยากให้จัดการด้วย รวมทั้งรถจักรยานยนต์ป้ายดำให้เช่า ส่วนรถแท็กซี่ป้ายดำนั้น เป็นเรื่องที่ต้องจัดการอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ผู้ที่มีรายชื่ออาจจะเข้าข่ายเป็นมาเฟียนั้นมีหลายคนที่ไปพบตน แต่ตนก็ได้แนะนำให้ชี้แจงไปตามความเป็นจริง หากไม่ผิดใครก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากการประชุม นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิษณุ ม่วงแพรศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยืนยันว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาในเมืองท่องเที่ยวนั้นไม่ทำแบบไฟไหม้ฟางอย่างแน่นอน เพราะเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศออกมาแล้วและทุกหน่วยทำตาม ซึ่งขณะนี้เป็นการกำหนดแนวทางในการทำงานเพื่อสนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่ในการทำงาน ซึ่งจะต้องเดินหน้าการทำงานต่อไป รวมทั้งจะต้องมีการยกระดับหน่วยงานต่างๆ เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ให้ยกระดับเป็นกองบัญชาการ เช่นเดียวกับดีเอสไอ ที่จะต้องมีหน่วยประจำที่ภูเก็ต และการตั้งแผนกคดีท่องเที่ยวที่ภูเก็ต การทำงานจะต้องบูรณาการโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ขับเคลื่อน
ขณะที่ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นเหมือนหมอที่จ่ายยาเพื่อเยียวยาแก้ปัญหาให้แก่จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การปฏิบัติงานในครั้งนี้เป็นการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเข้ามาดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาของจังหวัดภูเก็ต โดยใช้กำลังพลประมาณ 2,000 นาย ในการดำเนินการ ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวช้องหลายฉบับด้วยกัน มั่นใจว่าหลังจากลงทำงานอย่างเต็มที่จะทำให้คดีต่างๆ ในภูเก็ตลดน้อยลงอย่างแน่นอนภายใน 45 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการระดมกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เมืองพัทยามาแล้ว พบว่าสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปได้จำนวนมาก จึงมั่นใจว่าจะทำได้อย่างแน่นอนในการลงพื้นที่ทำงานที่จังหวัดภูเก็ต