ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เรียกประชุม “เวทีท่องเที่ยว” ครั้งที่ 3 เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแก้ปัญหาท่องเที่ยวของภูเก็ตทั้งระบบ พร้อมหารือข้อเสนอเวทีประชุมร่วมกระทรวงการท่องเที่ยว-ดีเอสไอ วันที่ 2 ส.ค.นี้ ขณะที่บริษัทนำเที่ยวเสนอผ่านรองผู้ว่าฯ จัดอบรมไกด์ภาษารัสเซียให้ราชภัฏฯ พร้อมร้องให้เจ้าของภาษาทำหน้าที่เป็นล่ามคู่ไกด์คนไทย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 ก.ค.) นายไมตรี อินทุสูต ผู้ว่าราชการราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุม “เวทีการท่องเที่ยว” ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมี น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.พีระยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอเมือง นายอำเภอกะทู้ นายอำเภอถลาง ภาคเอกชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นปัญหา ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในการแก้ไขปัญหาท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางเข้ามาจำนวนเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึงนี้ นอกจากนั้น ยังเป็นการเตรียมข้อมูลที่จะนำเสนอในการประชุมร่วมกับทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และดีเอสไอในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ที่กรุงเทพมหานคร
นายไมตรี กล่าวว่า สำหรับการประชุมเวทีการท่องเที่ยวต่อไปจะมีการประชุม 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว มาร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งที่ผ่านมาทางจังหวัดเองก็ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะทำงานของจังหวัดซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละท่านลงไปดูแลทั้ง 3 อำเภอ ซึ่งประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอถลาง อ.กะทู้ และมีการดำเนินการต่อผู้กระทำความผิดมาโดยตลอด ซึ่งการประชุมเวทีท่องเที่ยวก็เพื่อรับฟังปัญหาเพื่อนำไปสู่การแก้ไข
นอกจากนั้น ในการประชุมยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องของจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง ซึ่งปีนี้ตนขอฟันธงว่า นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตเกิน 10.5 ล้านคนอย่างแน่นอน เฉพาะสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ค.56 ระหว่างวันที่ 22-28 ก.ค.พบว่า มีเที่ยวบินเข้าภูเก็ต จำนวน 202 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตวันละ 30,414 คน จึงจำเป็นที่จะต้องร่วมหารือกันถึงมาตรการในการรองรับนักท่องเที่ยวเหล่านี้ที่จะเดินทางเข้ามาทั้งเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก เรื่องของการดูแลความปลอดภัย และเรื่องของการเตรียมความพร้อมในส่วนของบุคลากร โดยจะมีการจัดอบรมและประชุมในหลายภาคส่วนเพื่อให้ความรู้และป้องกันไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายไทย
นายไมตรี ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในการแก้ไขปัญหาที่เป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น ทางจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะให้ความร่วมมือกับทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งดีเอสไอ ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากคนต่างชาติ และผู้ประกอบการแท็กซี่ ซึ่งในวันที่ 2 ส.ค.56 จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อรับทราบแนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจน
ด้าน พ.ต.อ.พีระยุทธ กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจพร้อมที่จะดำเนินการกับทุกปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามา เพื่อให้เกิดความปกติสุขในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาการละเมิดสิทธิของผู้อื่นจะเร่งดำเนินการทันทีถ้ามีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้มีการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดไปแล้วหลายราย ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอปัญหาผ่านทางโลกอินเทอร์เน็ตก็มีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน ซึ่งทางตำรวจไม่สนับสนุนให้มีการใช้อำนาจบารมีไปข่มเหงรังแกผู้อื่น การดำเนินการปราบปรามผู้ที่ทำตัวเป็นผู้มิอิทธิพล ละเมิดสิทธิของผู้อื่นนั้นทางตำรวจต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพราะเป็นนโยบายของทางตำรวจ และนโยบายของทางจังหวัดอยู่แล้ว
ขณะที่การแก้ปัญหาเรื่องของบุคลากรในการร้องรับนักท่องเที่ยวนั้น น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในที่ประชุมว่า ได้รับการประสานจากบริษัทนำเที่ยวของรัสเซีย เสนอตัวจัดอบรมไกด์ให้แก่ทางราชภัฏภูเก็ต ใช้เวลา 60 ชั่วโมง เพื่อแก้ไขปัญหาไกด์ขาดแคลน เนื่องจากมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเดินทางเข้ามาจำนวนมาก และเพื่อแก้ไขปัญหาไกด์ขาดแคลนได้มีการเสนอให้คนรัสเซียเข้ามาทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา หรือผู้ช่วยไกด์ โดยให้คนไทยทำหน้าที่ไกด์ในการนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจักรกฤษณ์ จันทร์จิตร นายทะเบียนทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์จังหวัดภูเก็ต กล่าวชี้แจงว่า สามารถที่จะทำได้โดยจะต้องได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นล่ามแปล ซึ่งไม่ใช่เฉพาะรัสเซียเท่านั้น แต่ภาษาอื่นก็สามารถเป็นล่ามแปลได้เช่นเดียวกัน
ขณะที่การอบรมให้ความรู้ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการชาวต่างชาติ คนไทย และพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวนั้น พบว่า ในการประชุมวันนี้ (30 ก.ค.) หลายหน่วยงานได้นำเสนอแผนงานโครงการที่จะดำเนินการ เช่น จัดหางานจังหวัดภูเก็ต โดยนางเยาวภา พิบูลย์ผล จัดหางานจังหวัดภูเก็ต แจ้งว่า ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต มีแผนจัดประชุมอบรมชาวต่างด้าว ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ และพนักงาน ทั้ง 3 สัญชาติ ประกอบด้วย รัสเซีย จีน และเกาหลี เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายไทย และข้อปฏิบัติต่างๆ เพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมาย
สำหรับในส่วนของขนส่งจังหวัดภูเก็ต โดยนายจตุรงค์ แก้วกสิ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต แจ้งว่า จะจัดให้มีการประชุมผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวเพื่อรับทราบข้อมูลการใช้รถโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้รถที่มีอยู่ในภูเก็ตไม่เพียงพอ ต้องนำเข้ารถจากพื้นที่อื่น ซึ่งทางขนส่งจังหวัดภูเก็ตไม่สามารถควบคุมได้ทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งเท่าที่ทราบพบว่า ในส่วนของบริษัททัวร์ต่างๆ มีการแย่งรถกัน เช่น จีนมีการทำสัญญาเช่ารถยาวเป็นปี ขณะที่รัสเซียเช่ายาวประมาณ 8 เดือน ทำให้รถที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตาม ถ้าขนส่งทราบจำนวนความต้องการใช้รถอย่างแท้จริงก็สามารถที่จะจัดสรร และหารถที่มีคุณภาพมาให้บริการนักท่องเที่ยวได้ ซึ่งเป็นการป้องกันและลดอุบัติที่เหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้รถไม่มีคุณภาพ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 ก.ค.) นายไมตรี อินทุสูต ผู้ว่าราชการราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุม “เวทีการท่องเที่ยว” ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมี น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.พีระยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอเมือง นายอำเภอกะทู้ นายอำเภอถลาง ภาคเอกชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นปัญหา ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในการแก้ไขปัญหาท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางเข้ามาจำนวนเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึงนี้ นอกจากนั้น ยังเป็นการเตรียมข้อมูลที่จะนำเสนอในการประชุมร่วมกับทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และดีเอสไอในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ที่กรุงเทพมหานคร
นายไมตรี กล่าวว่า สำหรับการประชุมเวทีการท่องเที่ยวต่อไปจะมีการประชุม 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว มาร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งที่ผ่านมาทางจังหวัดเองก็ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะทำงานของจังหวัดซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละท่านลงไปดูแลทั้ง 3 อำเภอ ซึ่งประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอถลาง อ.กะทู้ และมีการดำเนินการต่อผู้กระทำความผิดมาโดยตลอด ซึ่งการประชุมเวทีท่องเที่ยวก็เพื่อรับฟังปัญหาเพื่อนำไปสู่การแก้ไข
นอกจากนั้น ในการประชุมยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องของจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง ซึ่งปีนี้ตนขอฟันธงว่า นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตเกิน 10.5 ล้านคนอย่างแน่นอน เฉพาะสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ค.56 ระหว่างวันที่ 22-28 ก.ค.พบว่า มีเที่ยวบินเข้าภูเก็ต จำนวน 202 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตวันละ 30,414 คน จึงจำเป็นที่จะต้องร่วมหารือกันถึงมาตรการในการรองรับนักท่องเที่ยวเหล่านี้ที่จะเดินทางเข้ามาทั้งเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก เรื่องของการดูแลความปลอดภัย และเรื่องของการเตรียมความพร้อมในส่วนของบุคลากร โดยจะมีการจัดอบรมและประชุมในหลายภาคส่วนเพื่อให้ความรู้และป้องกันไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายไทย
นายไมตรี ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในการแก้ไขปัญหาที่เป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น ทางจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะให้ความร่วมมือกับทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งดีเอสไอ ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากคนต่างชาติ และผู้ประกอบการแท็กซี่ ซึ่งในวันที่ 2 ส.ค.56 จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อรับทราบแนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจน
ด้าน พ.ต.อ.พีระยุทธ กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจพร้อมที่จะดำเนินการกับทุกปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามา เพื่อให้เกิดความปกติสุขในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาการละเมิดสิทธิของผู้อื่นจะเร่งดำเนินการทันทีถ้ามีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้มีการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดไปแล้วหลายราย ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอปัญหาผ่านทางโลกอินเทอร์เน็ตก็มีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน ซึ่งทางตำรวจไม่สนับสนุนให้มีการใช้อำนาจบารมีไปข่มเหงรังแกผู้อื่น การดำเนินการปราบปรามผู้ที่ทำตัวเป็นผู้มิอิทธิพล ละเมิดสิทธิของผู้อื่นนั้นทางตำรวจต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพราะเป็นนโยบายของทางตำรวจ และนโยบายของทางจังหวัดอยู่แล้ว
ขณะที่การแก้ปัญหาเรื่องของบุคลากรในการร้องรับนักท่องเที่ยวนั้น น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในที่ประชุมว่า ได้รับการประสานจากบริษัทนำเที่ยวของรัสเซีย เสนอตัวจัดอบรมไกด์ให้แก่ทางราชภัฏภูเก็ต ใช้เวลา 60 ชั่วโมง เพื่อแก้ไขปัญหาไกด์ขาดแคลน เนื่องจากมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเดินทางเข้ามาจำนวนมาก และเพื่อแก้ไขปัญหาไกด์ขาดแคลนได้มีการเสนอให้คนรัสเซียเข้ามาทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา หรือผู้ช่วยไกด์ โดยให้คนไทยทำหน้าที่ไกด์ในการนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจักรกฤษณ์ จันทร์จิตร นายทะเบียนทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์จังหวัดภูเก็ต กล่าวชี้แจงว่า สามารถที่จะทำได้โดยจะต้องได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นล่ามแปล ซึ่งไม่ใช่เฉพาะรัสเซียเท่านั้น แต่ภาษาอื่นก็สามารถเป็นล่ามแปลได้เช่นเดียวกัน
ขณะที่การอบรมให้ความรู้ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการชาวต่างชาติ คนไทย และพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวนั้น พบว่า ในการประชุมวันนี้ (30 ก.ค.) หลายหน่วยงานได้นำเสนอแผนงานโครงการที่จะดำเนินการ เช่น จัดหางานจังหวัดภูเก็ต โดยนางเยาวภา พิบูลย์ผล จัดหางานจังหวัดภูเก็ต แจ้งว่า ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต มีแผนจัดประชุมอบรมชาวต่างด้าว ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ และพนักงาน ทั้ง 3 สัญชาติ ประกอบด้วย รัสเซีย จีน และเกาหลี เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายไทย และข้อปฏิบัติต่างๆ เพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมาย
สำหรับในส่วนของขนส่งจังหวัดภูเก็ต โดยนายจตุรงค์ แก้วกสิ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต แจ้งว่า จะจัดให้มีการประชุมผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวเพื่อรับทราบข้อมูลการใช้รถโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้รถที่มีอยู่ในภูเก็ตไม่เพียงพอ ต้องนำเข้ารถจากพื้นที่อื่น ซึ่งทางขนส่งจังหวัดภูเก็ตไม่สามารถควบคุมได้ทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งเท่าที่ทราบพบว่า ในส่วนของบริษัททัวร์ต่างๆ มีการแย่งรถกัน เช่น จีนมีการทำสัญญาเช่ารถยาวเป็นปี ขณะที่รัสเซียเช่ายาวประมาณ 8 เดือน ทำให้รถที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตาม ถ้าขนส่งทราบจำนวนความต้องการใช้รถอย่างแท้จริงก็สามารถที่จะจัดสรร และหารถที่มีคุณภาพมาให้บริการนักท่องเที่ยวได้ ซึ่งเป็นการป้องกันและลดอุบัติที่เหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้รถไม่มีคุณภาพ
