ศูนย์ข่าวภูเก็ต - วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาหลังชาวต่างชาติตั้งแก๊งมาเฟีย และแฝงเป็นนอมินีเข้ามาประกอบอาชีพให้บริการตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ด้าน นอภ.กะทู้ เผยสามารถปราบปรามผู้กระทำความผิดได้เบื้องต้น แต่หากแก้ระยะยาวต้องให้ทุกหน่วยงานร่วมกัน
วันนี้ (17 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต พบว่า ปัญหาชาวต่างชาติแฝงตัวเข้ามาในคราบของนักท่องเที่ยว ตั้งตนเป็นมาเฟียประกอบธุรกิจลุกลามไปทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณชายหาดสำคัญ เช่น พื้นที่หาดป่าตอง และหาดกะรน จะเห็นได้ว่ามีร้านอาหาร สปา หรือแม้กระทั่งรถแท็กซี่รับส่งนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย โดยชาวต่างชาติเหล่านี้จะทำงานกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่นักท่องเที่ยวลงเครื่องบินที่สนามบินจะมีรถไปรับมาส่งที่โรงแรมที่เป็นของชาวต่างชาติที่มีคนไทยเป็นนอมินี รวมถึงร้านอาหาร สปา บริษัททัวร์ ร้านซักรีด ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
แหล่งข่าวยังรายงานว่า แก๊งมาเฟียชาวต่างชาติถึงขั้นมีการทำร้ายร่างกายกันเอง ระหว่างกลุ่มนักท่องเที่ยวที่แฝงตัวเข้ามาในลักษณะนักท่องเที่ยว หรือฟรีวีซ่า เนื่องจากต้องการแย่งลูกค้ากันเอง โดยตั้งตนเป็นมาเฟียมาประกอบอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวต่างๆ ขายให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวใน จ.ภูเก็ต รวมถึงการจับแขก หรือชักจูงให้ใช้บริการของพวกตนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ที่สามารถจับกุมได้ ทั้งนี้ ปัญหาชาวต่างชาติ โดยเฉพาะรัสเซียที่แอบแฝงเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตประกอบอาชีพแย่งคนไทย ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ บางรายต้องหารายได้อื่นเสริมเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากถูกกีดกันไปหมดเกือบทุกช่องทาง
ด้าน นายวีระ เกิดศิริมงคล นายอำเภอกะทู้ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการถึงปัญหาดังกล่าวมาจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่มิได้นิ่งเฉย และได้มีการจัดกำลังออกตรวจสอบจับกุมในหลายๆ พื้นที่ แต่ความเป็นจริงที่พบคือ เจ้าหน้าที่ทำได้แค่เพียงจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ปลายเหตุมาดำเนินคดี คือ ลูกจ้างชาวต่างชาติ และดำเนินคดีข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงานเท่านั้น ประกอบกับเมื่อตรวจสอบไปยังสถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจรต่างๆ นั้น พบว่า มีใบอนุญาตจดทะเบียนโดยใช้ชื่อคนไทย ซึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นนอมินี เรื่องนี้ต้องช่วยกันหลายฝ่าย เนื่องจากมีหลายหน่วยงานทีเกี่ยวข้องกับปัญหาต้องรีบแก้ไขก่อนที่จะทำลายการท่องเที่ยวไปมากกว่านี้ รวมถึงการนำรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศก็จะหายไป แต่กลับเป็นว่ามีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามของเราไปจนเสียหายหมด คนในพื้นที่ หรือประเทศชาติไม่ได้อะไรเลย