ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ประกาศชัด “เชฟรอนฯ” ต้องหยุดสร้างฐานปฏิบัติการขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ หลังกลับคำยื่นส่งรายงาน EHIA เข้าสู่การพิจารณาขอใบอนุญาตก่อสร้างท่าเรือ ทั้งที่ก่อนหน้าได้ประกาศต่อสาธารณะว่าได้ยุติโครงการไปแล้ว
วันนี้ (16 ส ค.) ที่บ้านสระบัว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หลังจากทำพิธีละหมาดวันศุกร์ แกนนำชาวบ้านจากบ้านหน้าทับ บ้านสระบัว บ้านท่าสูง และบ้านในถุ้ง อ.ท่าศาลา ได้ร่วมชุมนุมเพื่อประกาศเตือนบริษัทเชฟรอนฯ ซึ่งจะมาสร้างฐานปฏิบัติการขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ หลังจากที่บริษัทกลับคำยื่นส่งรายงาน EHIA
เข้าสู่การพิจารณาขอใบอนุญาตสร้างท่าเรือ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศต่อสาธารณะว่าได้ยุติโครงการไปแล้ว
นายอุเส็น จำเนียร ผู้นำชุมชนกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของชุมชนชายฝั่ง อ.ท่าศาลา ครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ว่า บริษัทเชฟรอนฯ เล่นนอกเกมตลอดเวลา
จากนั้นแกนนำชุมชนจึงลุกขึ้นมาประกาศพร้อมกันว่า จะต้องหยุดบริษัทเชฟรอนฯ ให้ได้เพราะหากปล่อยให้เดินหน้าต่อไป ชุมชนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายประเทศ
นายอุเส็น กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเดือน ธ.ค.2555 บริษัทเชฟรอนฯ ได้ประกาศยุติโครงการสร้างฐานปฏิบัติการขุดเจาะน้ำมันบริเวณบ้านบางสาร อ.ท่าศาลา หลังจากไม่สามารถอธิบายสังคมได้เกี่ยวกับกระบวนการฉ้อฉลในการทำ EHIA รวมทั้งการจัดทำข้อมูลของชุมชนเพื่อแสดงข้อมูลถึงความอุดมสมบูรณ์ของอ่าวท่าศาลา ซึ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับรายงาน EHIA ที่ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการจำนวนมาก
จนกระทั่งคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมจัดสัมมนาวิชาการเรื่อง ความยุติธรรมเชิงนิเวศอ่าวท่าศาลา เพื่อยืนยันถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทประกาศถอนตัวจากพื้นที่ แต่ยืนยันไม่ยกเลิกรายงาน EHIA ซึ่งได้สร้างความกังขาให้แก่ชุมชนท่าศาลา และสังคมโดยรวมตลอดมา ถึงความจริงใจที่บริษัทข้ามชาติรายนี้แสดงออก และแล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อรายงาน EHIA ของบริษัทเชฟรอนฯ เข้าสู่กระบวนการขอใบอนุญาตสร้างท่าเรือ และฐานปฏิบัติการขุดเจาะน้ำมัน โดยยื่นเข้าสู่องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม (กอสส.) เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ กอสส.ดำเนินการต่อไป
นายอุเส็น กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวชุมชนท่าศาลาไม่อาจยอมรับความตระบัดสัตย์ของบริษัทสัญชาติอเมริการายนี้ได้ แกนนำชุมชนทั้งหมดลุกขึ้นมาทบทวนจนได้บทเรียนว่า หลังจากนี้จะใช้ทุกวิถีทางในการหยุดเชฟรอนฯ ให้ได้ เพราะการทำลายท้องทะเลของบริษัทน้ำมันในขณะนี้ถือเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุด
นายสุพร โต๊ะเส็น นายกสมาคมเครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลา กล่าวว่า การรักษาทะเล ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมคือ การปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า แต่บริษัทเชฟรอนฯ ไม่มีเหตุผล ไม่รับฟังข้อมูลทางวิชาการ ไม่ฟังเสียงคนในพื้นที่ ต่อไปคนในพื้นที่ก็จะไม่ฟังการโฆษณาชวนเชื่อของบริษัทเชฟรอนฯ เช่นกัน
นายสุพรกล่าวอีกว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางชุมชนขอส่งเสียงเตือนไปยังบริษัทเชฟรอนฯ ว่า ให้หยุดดำเนินการใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนต่อทะเลท่าศาลา เนื่องจากข้อสรุปของชุมชนออกมาแล้วว่า ชุมชนไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด และขอให้ออกไปจากชุมชนไม่ยินดีต้อนรับ ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย
ด้านนายหมาด ลังกาบำ ผู้อาวุโสของชุมชนสระบัง อ.ท่าศาลา กล่าวว่า ที่ผ่านมา พฤติกรรมของบริษัทเชฟรอนฯ ไม่น่าไว้วางใจตลอดมา และเราได้ใช้ความอดทนเสมอมาตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยหวังว่ากฎหมาย และข้อมูลจะช่วยให้บริษัทอเมริการายนี้ถอยออกไปจากพื้นที่ เราเพิ่งทราบข่าวเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาว่า เชฟรอนฯ ยื่นรายงานอีไอเอเข้าสู่การขอใบอนุญาตสร้างท่าเรือและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
“แม้ว่าจะไม่เกินคาดหมาย แต่ก็ตอกย้ำให้เรารับรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะใช้มาตรการอื่น หลังจากก่อนหน้านี้ได้ห้ามปรามกันมาตลอด” นายหมาดกล่าวก่อนเสริมว่า
การรวมตัวครั้งนี้ไม่มีคำแถลงการณ์ใดๆ โดยแกนนำให้เหตุผลว่า แถลงการณ์ทำมามากพอแล้ว และไม่มีผลอันใด วันนี้จึงตั้งใจให้เป็นการประกาศเตือนครั้งสุดท้าย ก่อนใช้ทุกมาตรการในการหยุดเชฟรอนฯ โดยจะเคลื่อนไหวหลัง 20 ส.ค.ที่จะถึงนี้