ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ประเสริฐ ชิตพงศ์” ส.ว.สงขลา ชี้หาก พ.ร.บ.งบประมาณปี’57 ผ่าน และมีการกู้ 2 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคนไทยจะทะยานใกล้ชนเพดานที่ 54% หรือเฉลี่ยเป็นหนี้คนละ 1 แสนบาททันที อัดรัฐบาลตั้งสภาปฏิรูปแค่ซื้อเวลา และส่อทำผิดรัฐธรรมนูญอีกต่างหาก
นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา เปิดเผยถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 ไว้ในหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว Prasert Chitapong เมื่อกลางดึกของวันนี้ (15 ส.ค.) ว่า มีทั้งเรื่องที่น่าสนใจ และน่ารำคาญ ที่น่าสนใจก็คือ งบประมาณ 2.5 ล้านล้านบาทในปีหน้า จะเป็นงบขาดดุลคือ วงเงินต่ำกว่าภาษีที่ประมาณการว่าจะเก็บได้อยู่ 2.5 แสนล้าน ก็คงเป็นรายการที่ต้องอาศัยเงินกู้ รวมแล้วกู้ไปกู้มาก็จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 50% ของ GDP โดยในปีนี้รัฐบาลกู้ 3.5 แสนล้านบาท ไปใช้แก้ปัญหาน้ำท่วม แล้วหนี้จะอยู่ที่ 4.7% กว่าๆ นี่ยังไม่นับรวมรายการกู้อีก 2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลเตรียมจะกู้มาพัฒนาระบบขนส่ง
“ร่าง พ.ร.บ.นี้เตรียมจะเข้าสภาให้ ส.ส. พิจารณาวาระ 2 ปลายเดือน ส.ค.นี้ หากรายการกู้ 2 ล้านล้านบาทผ่านสภา ซึ่งเป็นรายการที่ต้องกู้ทั้งหมด หนี้สาธารณะจะกระโดดขึ้นไปทันที่ที่ประมาณ 54% ซึ่งใกล้เพดาน 60% เข้าไปทุกที และถ้าเป็นดังที่ว่านี้ก็เอาเป็นว่า ลูกหลานใครเกิดมาหลัง พ.ร.บ.นี้ผ่านสภา ก็จะมีหนี้สินติดตัวให้เป็นเครติดไปคุยกับธนาคารกันคนละประมาณ 1 แสนบาททันที น่าอิจฉาคนรุ่นต่อไปนะครับ”
นายประเสริฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการบริหารจัดการปัญหาราคายางพาราตกต่ำ และแนวทางการส่งเสริมการพัฒนายางพาราทั้งระบบ วุฒิสภา ระบุว่า ส่วนเรื่องน่ารำคาญของการประชุมสภาของ ส.ส.วานนี้ก็คือ การประท้วงที่ไม่ได้ห่วงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่สนใจติดตามความเป็นไปของบ้านเมือง ดาราประท้วงก็เป็นหน้าเดิมๆ ที่ชอบเติมสีสันให้ตัวเองด้วยสีเสื้อผ้าที่ถือว่า ยอดนิยมผสมกับความทรงอิทธิพลอยู่ในขณะนี้
“ที่หน้าสภาบริเวณด้านหน้าเขาดินถิ่นสิงห์สาราสัตว์ก็ไม่ใช่ย่อย มีผู้ชุมนุมมาตั้งกลุ่มปักหลักอยู่ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. บนเวทีที่ประดับประดาด้วยป้ายผ้า และผู้คนสวมเสื้อสีที่ไม่ต่างจากผู้ที่ประท้วงอยู่ในสภา พร้อมเปล่งวาจาที่ไม่เป็นมิตรกับผู้ที่คิดต่างในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่กำลังวิจารณ์ และอภิปรายกันอยู่ในสภา รวมทั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ผ่านวาระ 1 ในสภาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บรรยากาศเป็นไปด้วยดีทั้งใน และหน้าสภา หากผู้ที่รับรู้หรือผ่านไปผ่านมาไม่ถือสาที่เอาถ้อยคำบริภาษกันทางการเมืองมาเป็นเรื่องให้ขุ่นเคืองรำคาญใจ”
นายประเสริฐ ที่เคยเป็นถึงอดีตอธิการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพิ่มเติมด้วยว่า ห่างสภาออกไปไม่ไกลนัก บริเวณแถวๆ ทำเนียบไทยคู่ฟ้า การเมืองเรื่องสำคัญที่กำลังเดินหน้าคือ การหาคนมาเป็นกรรมการสภาปฏิรูปการเมือง ซึ่งมีทั้งคนที่ถูกทาบทามแล้ว และมีการรับแล้ว หรือปฏิเสธแล้ว คนที่กำลังถูกทาบทาม คนที่รอด้วยความกระวนกระวายใจว่าเมื่อไหร่จะถูกทาบทาม และคนที่หลีกลี้หลบหนีการทาบทาม
เรื่องการตั้งสภาปฏิรูปการเมืองนั้น ขออนุญาตมีความเห็นส่วนตัวว่า แม้ว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตยในบ้านเราจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายเกินไปถึงขั้นที่จะต้องตั้งสภามาปฏิรูป สิ่งทางการเมืองที่ควรจะต้องปฏิรูปมากที่สุดคือ นักการเมือง คงหมายรวมถึงตนด้วย โดยเฉพาะนักการเมืองทั้งเก่า และใหม่ที่เป็นต้นความคิด และที่กำลังจะมารวมตัวกันเป็นสภาปฏิรูปการเมืองในเร็วๆ นี้
“ถ้าผมพูดผิดจะให้พูดใหม่ ก็คงพูดไม่ต่างไปจากนี้ การแก้ปัญหาทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า รัฐบาลไม่น่าจะจำเป็นต้องซื้อเวลาด้วยการตั้งสภาปฏิรูป สิ่งที่รัฐบาลควรทำมากที่สุดคือ การเอารายงาน คอป.ที่มอบให้ อ.คณิต ณ นคร ไปศึกษามาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม” นายประเสริฐระบุ และเสริมว่า
“และเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติไปพร้อมๆ กันคือ รัฐบาลต้องดำเนินการ และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในเรื่องที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ได้กำหนดไว้ในมาตรา 75, 76, 78 (1) (4) (7), 81 และ 83 ซึ่งมาถึงวันนี้หลังจากที่รัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศ 2 ปีแล้ว ยังไม่ได้ปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ในมาตราเหล่านี้อย่างจริงจัง หรือบางมาตรายังไม่ได้ปฏิบัติเลย ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญก็ว่าได้ รายละเอียดในมาตราเหล่านี้เป็นอย่างไร รัฐบาลคงหาอ่านได้ไม่ยาก”