คอลัมน์ : แกะสะเก็ด
โดย...ประเสริฐ เฟื่องฟู
ถนนสายใหม่ (ร่วมยี่สิบปีที่ผ่านมา) เทศบาลเมืองภูเก็ตยุคสุดท้ายของ ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงส์หยก เป็นนายกเทศมนตรี กลุ่มคนหนุ่ม ก่อนผ่องถ่ายให้ สมใจ สุวรรณศุภพนา รับช่วงตำแหน่งนายกเทศมนตรีทีมเดียวกันบริหารงานต่อในสมัยถัดมา หลังจากนั้นไม่นาน เทศบาลเมืองได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลนครภูเก็ต
“สมใจ สุวรรณศุภพนา” จึงได้ประเดิมตำแห่งนายกเทศมนตรีหญิงนครภูเก็ตเป็นคนแรก
ช่วงปลายยุคของนายกเทศมนตรี “โอวหมี่” ภูมิศักดิ์ หงส์หยก จราจรในเขตเมืองเริ่มมีปัญหาหนักขึ้นทุกขณะ จากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจเกี่ยวเนื่อง มีทั้งนักท่องเที่ยว นักขุดทอง และแรงงานหลากหลายอาชีพ ต่างหลั่งไหลเข้ามามากมายเหมือนสายน้ำ โครงการถนนวงแหวนด้านใต้ ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเทศบาลเมืองภูเก็ตในขณะนั้น กับเทศบาลตำบลวิชิตจึงเกิดขึ้น ต่อมาเรียกกันอย่างเป็นทางการว่า
โครงการถนนสายหลักด้านใต้
เพื่อแก้ปัญหาการจราจรของยานพาหนะที่ทะลักผ่านเข้าไปแออัดยัดทะนานอยู่ในตัวเมือง โดยเส้นทางสายนี้จะสกัดรถ หรือระบายรถ ยานพาหนะทุกชนิดที่ไม่มีกิจธุระปรารถนาจะเข้าตัวเมือง ให้อ้อมไปทางถนนวงแหวนนี้
โครงการนี้ผ่านการตอบรับของมหาชนผู้ใช้รถใช้ถนน และผ่านการพิจารณาทุกขั้นตอนของท้องถิ่น ตามยุทธศาสตร์พัฒนาเมืองรองรับการเจริญเติบโตของภูเก็ตในอนาคต งบประมาณผ่านฉลุย
ก็เป็นธรรมดาของปากหอยปากปู ระยะแรกที่เปิดโครงการถนนสายนี้มีเสียงซุบซิบกระฉ่อนเมืองว่า เอื้ออำนวยให้นายทุนเจ้าของที่ดินบริเวณที่ถนนตัดผ่าน แต่ก็เงียบหายไปกับสายลมไม่ทันข้ามขวบปี ตามวิสัยของคนภูเก็ตที่ลืมง่าย
ถนนเริ่มต้นลงมือก่อสร้าง วันเดือนปี พ.ศ.ผมจำไม่ได้ จากถนนเจ้าฟ้าตะวันตกตรงสามแยกศาลเจ้า “ฮุนจงอ้าม” หรือ “อ้ามจ้อสู่ก๊อง นาคา” เลียบสวนหลวง ร.9 เข้าถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ทะลุสี่แยกโรงเรียนดาวรุ่ง ตรงไปตัดถนนศักดิเดช เข้าซอย 7 ผ่านข้ามคลองเกาะผี และป่าชายเลนเสื่อมโทรม ก่อนจะไปถึงโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ เข้าถนนรัตนโกสินทร์ ไป “สะพานหิน ทะเลในเมือง” ที่พักผ่อนของประชาชนที่อยู่ในภูเก็ต
ตรงนี้เอง ช่วงที่ต้องผ่านป่าชายเลนเสื่อมโทรมสร้างสะพานข้ามคลองเกาะผี กลับถูกผีห่าการเมืองจากหน่วยงานสิ่งแวดล้อมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ตั้งขึ้น ออกมาค้านหัวชนฝา อ้างเป็นมติคณะรัฐมนตรีห้ามมีสิ่งก่อสร้างใดๆ ในบริเวณนี้เด็ดขาด
ออกแบบสะพานข้ามเสนอกี่แผน กี่ผัง แก้แล้วแก้อีกหลีกเลี่ยงทุกวิถีทางไม่ให้กระทบระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อมอย่างไร ก็ไม่ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ทั้งนั้น
ถ้าจำไม่ผิด ล่าสุดนั้นน่าจะเป็น “สุวิทย์ คุณกิตติ” ลิ่วล้อขี้ข้าระบอบทักษิณ ยุคพรรคไทยรักไทยเรืองอำนาจ หวนกลับมาเป็นเจ้ากระทรวงวิทย์ฯ ร่วมรัฐบาลในยุคต่อมา แม้ประชาชนชาวภูเก็ตจะตั้งตัวแทนไปยื่นหนังสือขอผ่อนผันก็ไม่ได้รับการพิจารณา ยกมติคณะรัฐมนตรีขึ้นมาเป็นกำแพงกั้นชนิดหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ให้ผ่าน
ในช่วงเดียวกันนี้ จะก่อนหรือหลังก็เพียงเล็กน้อย วิชัย ไพรสงบ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องที่ดิน กระบี่มือหนึ่งของกระทรวงน้ำเน่าริมคลองหลอด ได้รับการแต่งตั้งมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ปี 2552-2553 ได้ไปดูสถานที่ “คลองเกาะผี” มองซ้ายมองขวาเสร็จ มั่นใจชนิดสุดๆ แถลงข่าว “วันนัดพบสื่อ” ที่ศาลากลางจังหวัดวันเดือนปีจำไม่ได้ จ้อชัดถ้อยชัดคำ เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย
“จะขอมอบสะพานนี้ให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ชาวภูเก็ต”
ไม่แค่แถลงข่าวเท่านั้น ยังถึงขั้นขึ้นคัตเอาต์โปสเตอร์ไวนิลขนาดใหญ่ติดไว้ตรงสี่แยกโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ถนนรัตนโกสินทร์ และสี่แยกซอย 7 ศักดิเดชใหญ่โต เป็นรูปผู้ว่าฯ วิชัย ยืนชี้นิ้วมีข้อความว่า ขอมอบให้เป็นของขวัญแก่ชาวภูเก็ต และมีลายเซ็น “วิชัย ไพรสงบ” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
หลังจากนั้น ท่านผู้ว่าฯ วิชัย หิ้วทั้งผู้แทนชุมชน น่าจะมี ส.ส.ด้วยไปติดต่อวิ่งเต้น แต่ทั้งวิ่งก็แล้ว เต้นก็แล้ว สองครั้งสามครั้ง ก็ยังทลายกำแพง EIA ไม่ได้
สุดท้ายก็หงายเก๋งตีลังกากลับไปนอนเอาตีนก่ายหน้าผาก หลังหน้าแหกจนหมอไม่รับเย็บ ไม่รู้ว่าโดนคุณนายอัดซ้ำหรือเปล่า เลยวางมือหันไปเอาดี เอาผลงานด้านการเกษตร
ปลูกต้นตาล หรือ “ต้นโหนด” กลางถนนเทพกระษัตรี แทนต้นประดู่ที่ว่าถูกหนอนเจาะตายต้องตัดทิ้ง แล้วก็บอกต้นตาลเป็นไม้คู่เมืองภูเก็ต ใช้งบประมาณไป 20 ล้านบาท จัดโครงการคืนต้นตาลโตนดให้ย่ามุกย่าจัน
นี่ก็เห็นทยอยยืนต้นตายไปหลายต้น ที่เหลือจะอายุยืนไปได้สักกี่ปีก็ยากจะคาดเดา ตอนนั้นเป็นช่วงเดียวกับที่มีการรณรงค์ปลูกต้นตาลที่แหลมพรหมเทพทดแทนที่ตายไปของเทศบาลราไวย์
ต่อมา “เรวัต อารีรอบ” ส.ส.ภูเก็ต จับพลัดจับผลูอีท่าไหนไม่รู้ ทั้งหิ้วทั้งลากเอา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หรือ “เสธ.หนั่น” ที่ถึงอนิจกรรมไปแล้ว ขณะนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ขึ้นเครื่องบินมาดูสภาพพื้นที่คลองเกาะผีราวเดือนกันยายน 2553
เพราะปัญหาการจราจรเป็นอีกปัญหาหนึ่งของธุรกิจท่องเที่ยว ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต้องรับผิดชอบดูแลแก้ไข
จากนั้นมา เล่ากันว่า เสธ.หนั่น กลับไปใช้กลยุทธ์ต่างๆ โดยนำเอาแบบแปลนก่อสร้างที่ได้รับการแก้ไขใหม่ เป็นสะพานข้ามป่าชายเลนไปเจรจาชี้แจง ทะลวงกำแพง EIA ผ่าทางตันให้เป็นแนวทางเห็นรำไรว่า โครงการพอจะมีช่องทางให้เดินหน้าต่อไปได้ หลังจากชะงักไปกว่า 15 ปี
ก็ต้องชม เรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต ที่ใช้ความสามารถดึงเอา เสธ.หนั่น เข้ามาพัวพันแก้ปัญหาผ่าทางตันให้ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ก่อนที่คณะรัฐมนตรีปูชุดนี้จะมาเล่นปาหี่ภูเก็ต
ย้อนอดีตไปวันวาน เมื่อวันอังคารที่ 20 มีนาคม 2555 ขณะจิ้มต้นฉบับนี้ก็ครบรอบ 1 ปีกับอีก 3 เดือนที่ นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พาทัวร์รัฐมนตรีเร่ร่อนมา “เล่นปาหี่” ประชุม ครม.ที่ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต
ก่อนการประชุมหนึ่งวันคือ บ่ายวันที่ 19 มีนาคม 2555 นายกฯ ปูต้องไปทัวร์ชมคลองเกาะผีบริเวณที่จะสร้างสะพานข้ามเชื่อมสะพานหินไปถนนศักดิเดช ตรงบริเวณที่กางเต็นท์ใหญ่กันแดดกันฝนฟังบรรยายสรุป ที่บรรดาแขกผู้มีเกียรติ และกลุ่มสื่อมวลชนบ้างนั่งบ้างก็ยืนรอรับคณะของนายกฯ ปูอยู่นั้น
เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเหมือนกับการจัดฉาก สร้างความฮือฮาให้เมาท์กันสนุกปาก ด้วยกลิ่นชวนคลื่นไส้จากคลองเกาะผีที่น้ำไหลเอื่อยๆ ตรงหน้าเต็นท์ลอยมาแตะจมูกเป็นครั้งคราวยามลมพัด
ด้วยสัญชาตญาณของกระจอกข่าว และสายตาอันคมกริบ ก็พบกับซากตัวเงินตัวทอง “ตัวเหี้ย” นั่นแหละ ปกติจะชุกชุมอยู่บริเวณคลองเกาะผี แต่ตัวนี้มันตายเสียแล้ว ลอยอืดเน่าเป็นเหยื่อปู ยังกะมีการจัดฉากเตรียมเลี้ยงโต๊ะจีนสารพัดปู ที่มีทั้งปูดำ หรือปูทะเล และปูแสมในบริเวณนั้น
มันก็ช่างบังเอิญไปซ้ำรอยเดียวกับที่ “ไอ้ห้อย ผีเขมร” ไล่จับกระจงขาเป๋ในที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เอามาเป็นประเด็นโค่นรัฐบาลประชาธิปัตย์สมัย นายกฯ ชวน หลีกภัย นั่นแหละ แต่มาอีคราวนี้ไม่มีใครโหนกระแส ก็เลยไม่สนุก และรายการนี้มีคนยืนยันไม่มีใครจัดฉาก เป็นเรื่องของความบังเอิญ และอาถรรพณ์มากกว่า
ขอแชร์เจ้าของข่าว และภาพหน่อยนะ
“พบซากตัวเงินตัวทองลอยตายในคลองเกาะผีรับ ครม.ปู ยิ่งลักษณ์
เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันนี้ (19 มี.ค.55) ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเดินทางมายังบริเวณด้านหน้าโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการก่อสร้างถนนสายหลักทางด้านใต้ (PH-RH-3A) ส่วนยกระดับ 600 เมตร คลองเกาะผี เป็นการตรวจเยี่ยมพื้นที่จริงของโครงการฯ นั้น
ผู้สื่อข่าว และช่างภาพจากสำนักต่างๆ ซึ่งไปรอทำข่าวได้สังเกตเห็นว่า มีสัตว์ชนิดหนึ่งลอยตายอยู่ในลำคลองด้านหลังป้ายแสดงจุดเริ่มต้นโครงการฯ จึงเดินเข้าไปตรวจสอบพบว่า เป็นซากของตัวเงินตัวทองในสภาพขึ้นอืด ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 วัน จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เทศกิจของเทศบาลนครภูเก็ตเข้าไปดู เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณด้านหน้าจุดที่นายกรัฐมนตรีจะต้องนั่งฟังบรรยายสรุปจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้เกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่เทศกิจฯ ได้ลงไปยังจุดดังกล่าวพร้อมด้วยถุงพลาสติก เพื่อกำจัดซากตัวเงินตัวทอง ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชน ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา”
ทัวร์คณะรัฐมนตรีเพื่อไทยที่นายกฯ ปูพาสัญจรมาเล่นปาหี่ที่ภูเก็ตคราวนั้น สร้างกระแสให้ฝั่งอันดามันได้พอสมควร ดูเผินๆ ตีตื้นขึ้นมาพอสมควร ที่เขี่ยเศษงบประมาณเล็กๆ น้อยๆ อันเป็นส่วนที่เหลือจากแบ่งปันให้พวกพ้องทางภาคเหนือ เอามาฟาดหัวให้ฝั่งอันดามันหลายโครงการ แต่ก็เป็นโครงการต่อเนื่องที่ผ่านมาจากรัฐบาลชุดก่อนหน้าทั้งสิ้น
ที่น่าเสียดายก็คือ ถ้า “เงา” ของนายกฯ ปูระหว่างทัวร์ภูเก็ต ไม่ไปเหมือนเจ้าพ่อ... ทะเลอันดามันก็น่าจะดูดีขึ้นอีกเยอะ
สรุปได้ในตอนนั้นว่า โครงการถนนสายหลักด้านใต้เชื่อมสะพานหินตรงถนนรัตนโกสินทร์ ไปศักดิเดช ซอย 7 ที่รอคอยกันมาร่วม 20 ปี ก็ชัดเจนขึ้นแล้ว จากที่ ครม.ปูมาทัวร์ภูเก็ต อนุโลมให้ใช้พื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรมตรงนั้นผ่านได้ พร้อมกับอนุมัติงบก่อสร้าง 2 ปีคือ ปี 2556 จำนวน 40 ล้านบาท ปี 2557 อีก 160 ล้านบาท ตามที่กรมทางหลวงชนบทได้ทำงบเสนอหลังออกแบบก่อสร้าง
จะขอลงลึกถึงรูปแบบสะพานที่กรมทางหลวงชนบทออกแบบให้ชาวภูเก็ต หรือผู้ใช้รถใช้ถนนนี้สายนี้ในอนาคตเอาไปนอนฝันล่วงหน้าก่อน ส่วนจะได้เห็นได้ใช้ชาตินี้ หรือชาติไหนค่อยว่ากัน
ลักษณะเป็นสะพานยกระดับสูงจากป่าชายเลน 300 เมตร ยาว 510 เมตร 4 ช่องจราจร และมีตีเส้นช่องทางจักรยาน ทั้งยกระดับช่องทางเดินชมวิว หรือสัญจรไปมา ส่วนกลางสะพานเว้นช่องว่าง 5 เมตร เพื่อให้แสงสว่างส่องถึงป่าชายเลนด้านล่าง ไม่มีผลกระทบต่อการขึ้น-ลงของน้ำทะเล และระบบนิเวศในบริเวณดังกล่าว
ผลงานนี้ผมไม่กล้ายืนยันเหมือนกันว่า ต่อเนื่องมาจากการปูทางของ เสธ.หนั่น หรือของใคร หรือใครลักขโมยผลงานใคร ต่างก็รู้อยู่แก่ใจตนเองดี มันก็อยู่ที่ความหน้าด้านหน้าทน
ตอนนี้รอแค่การก่อสร้าง รอแล้วรอเล่า จ้องมองตาไม่กะพริบ ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวให้ตื่นเต้น
ไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าฯ บอกงบประมาณมาแล้ว มีกำหนดเปิดประมูลช่วงเดือนมกราคม หลังปีใหม่ที่ผ่านมา ลงมือก่อสร้างได้ประมาณเดือนเมษายน หรือต้นพฤษภาคม 2556 ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี
ทางด้าน กนกเทพ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ กรมทางหลวงชนบทก็ว่า กำหนดประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประมาณปลายเมษายน หรือต้นพฤษภาคมลงมือก่อสร้าง เช่นเดียวกัน
และแล้วคำพูดของทั้งสองคนก็หายไปกับสายลม และแสงแดด จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไร้วี่แวว
ล่าสุด “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม มาภูเก็ตเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2556 ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน งานเสวนาเรื่องคมนาคมของสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ได้บอกว่าจัดงบให้ไป 170 ล้านบาท ดีดลูกคิดรางแก้วกันแล้ว แต่หาผู้รับจ้างไม่ได้ เขาว่าราคาถูกเกินไป เลยทบทวนกันใหม่ มีการปรับปรุงเรื่องค่าแรง ค่าสิ่งของต่างๆ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สะระตะได้เพิ่มมาอีก 6 ล้านบาทเศษๆ รวมเบ็ดเสร็จ 176 ล้านบาท อยู่ระหว่างการประกวดราคา
ที่ไหนเมื่อไหร่ ไม่รู้เหมือนกัน ในข่าวไม่บอก
แล้วงบประมาณก่อสร้างก็ดูพิลึกอยู่ ตอนแรกบอกปี 56 ให้ 40 ล้าน ปี 57 อีก 160 ล้าน เป็นงบผูกพันรวมแล้ว 2 ปีเท่ากับ 200 ล้าน รัฐมนตรีช่วยคมนาคมกลับบอกให้ 170 ล้าน เพิ่มให้อีก 6 ล้าน เป็น 176 ล้าน
คลองเกาะผีนี้ ผีมันเฮี้ยนจริงๆ ร่วม 20 ปียังสร้างสะพานข้ามไม่ได้ แต่ก่อนตรงนั้นชุกชุมไปด้วยปูดำ ปูแสม และเป็นที่หากินของตัวเหี้ย ตัวตะกวดล้วนขนาดใหญ่ ชาวบ้านทำแร้ว ทำบ่วงดัก แล่เอาหนังตากแดดขาย นำไปฟอกทำกระเป๋าถือของคุณหญิงคุณนาย ร้านรับซื้อหนังเหี้ยก็อยู่แถว 40 ห้องริมคลองบางใหญ่นั่นแหละ ถ้าไม่มีแผลรอยตำหนิราคาดี ส่วนเนื้อก็แบ่งสันปันส่วนกันไป
แล้วจะแก้เคล็ดยังไง จึงจะให้สะพานข้ามคลองเกาะผีนี้ ได้ก่อสร้างผ่านไปโดยราบรื่น ไร้อุปสรรค ต้องเซ่นด้วยอะไร ใครรู้ช่วยบอก ช่วยแก้ที
ห่วงแสนห่วงงบประมาณก้อนนี้จะถูกโยกไปอีก รัฐบาลร่างทรงจัญไรนี้ไว้ใจไม่ได้ ขี้ฉ้อแบบหน้าด้านๆ เดี๋ยวเอาไปให้หัวคะแนนบริษัทรับเหมาก่อสร้างในเครือเอาไปเล่นแร่แปรธาตุทางภาคเหนือ แล้วเหลือแบ่งปันจัดสรรเลี้ยงโต๊ะจีนพวกอันธพาลสุนัขรับใช้ได้อย่างสบายๆ
เงิน 2 พันกว่าล้านเกือบ 3 พันล้านบาท สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติภูเก็ตยังโกงเอาไปได้หน้าด้านๆ นับประสาอะไรกับเศษงบประมาณแค่ร้อยสองร้อยล้านสร้างสะพานแค่นี้ เกิดไม่มีอารมณ์ขึ้นมาขอเอาไปเลี้ยงสมุนเหี้ยหางแดงก่อน ใครจะทำไม?
และก็มีข่าวลือกะปริบกะปรอยมาว่า งบประมาณก้อนนี้ล่องหนไปแล้ว จริงเท็จยังไงไม่รู้ ถ้ายังอยู่ก็น่าจะประมูล และลงมือก่อสร้างไปแล้ว เพราะเลยเวลามานานโข ถ้ามีปัญหาติดขัด ผู้เกี่ยวข้องก็น่าจะมีการแถลงให้ประชาชนทราบ แต่นี่หายเงียบเหมือนเป่าสาก
ผู้ว่าฯ ผู้ปกครองบ้านนี้เมืองนี้ก็รู้อยู่เต็มอกว่า สะพานและถนนสายดังกล่าวพี่น้องผู้ใช้รถใช้ถนนที่อาศัยบนเกาะภูเก็ตรอคอยมานานกว่า 10 ปี กลับไม่กระตือรือร้น ไม่มีความกระสันเหมือนอยากสร้างศาลาหลังใหม่ทรงชิโนโปรตุกีสที่สนามชัยเลยนิ