เกิดโรคระบาดในคลองจิหลาด จ.กระบี่ ทำปลาในกระชังตาย เสียหายแล้วกว่าล้านบาท

กระบี่- เกิดโรคระบาดอย่างหนักในพื้นที่คลองจิหลาด ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ทำปลาเลี้ยงกระชังเกษตรกรตายกว่า 30 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท วอนเจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุเพื่อหยุดการระบาด ก่อนทำเกษตรกรหมดตัว ด้านผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งระบุ คาดเกิดจากโรคระบาดบางชนิด เบื้องต้นได้เก็บตัวอย่างซากปลา และนำไปเพาะเชื้อเพื่อหาสาเหตุแล้ว

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (9 มิ.ย.) นักวิชากรประมง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกระชังเลี้ยงปลาเก๋าเสือ และปลาเก๋าพันธุ์ลูกผสม ของเกษตรกรในพื้นที่คลองจิหลาด ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ หลังรับแจ้งว่าปลาของเกษตรกร กว่า 30 ราย ที่เลี้ยงไว้ในกระชังทยอยตายจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับปลาที่เริ่มมีอาการป่วย และกำลังลอยน้ำขึ้นมาตรวจหาสาเหตุ พบว่า ปลามีลักษณะท้องป่องบวม และบางตัวมีแผลตามลำตัว จึงได้ทำการรักษาเบื้องต้นโดยการให้ยาฆ่าเชื้อ และติดตามอาการ

นายเรวัติ บุญสบ อายุ 49 ปี เกษตรกรเลี้ยงปลาเก๋าเสือ และปลาเก๋าพันธุ์ลูกผสม ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเกิดโรคระบาดทำให้ปลาที่เลี้ยงไว้ในกระชังทยอยตายจำนวนมาก กล่าวว่า ได้ลงทุนเลี้ยงปลาเก๋าเสือ และปลาเก๋าลูกผสมมานาน โดยทยอยซื้อพันธุ์ปลามาจากศูนย์วิจัยฯ จังหวัดกระบี่ และจังหวัดสงขลา เลี้ยงรวมกัน แล้วกว่า 5,000 ตัว ในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย. 55-มิ.ย.56 ปรากฏว่า ปลาที่เลี้ยงไว้ทยอยตายไปเกือบหมดโดยไม่ทราบสาเหตุ และล่าสุด ที่เลี้ยงไว้ มีอายุประมาณ 9 เดือน น้ำหนักประมาณ 1 กก. พร้อมที่จะจับขายก็พบว่าเริ่มทยอยตายเช่นกันวันละประมาณ 30-50 ตัว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุ และยับยั้งไม่ให้เกิดการระบาดไปมากกว่านี้

นายเรวัติ กล่าวด้วยว่า สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงปลาเก๋าเสือ และพันธุ์ลูกผสมเหมือนกับตนที่อยู่ในละแว กม.7 คลองจิหลาด ตรงคลองจิหลาด ประมาณ 30 ราย ประปัญหาเดียวกันกับตน โดยก่อนหน้านี้มีการะบาดหนักมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ของเกษตรกรรายหนึ่ง และตั้งแต่นั้นมาก็ได้แพร่ระบาดลุกลามไปทั่วคลอง ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุ และควบคุมการระบาดให้ได้โดยเร็วเพราะคาดว่าในไม่ช้าปลาที่เลี้ยงไว้ก็จะทยอยตายทั้งหมด

นายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ปลาที่ตายมีสภาพท้องบวม และบางตัวมีแผลพุพอง แต่ไม่มาก คาดว่าเกิดจากสาเหตุสภาพน้ำเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ทำให้ปลาเกิดอาการเครียด และร่างกายอ่อนแอขาดภูมิคุ้มกันทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ท้องปลาได้ง่าย และทยอยตายในที่สุด และขณะนี้พบว่ามีการตายจำนวนมากกินพื้นที่กว้าง อาจจะเสนอให้ทางจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่โรคระบาดเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้เกษตรกรทดลองใช้ยาแสงหมึก หรือเจนเซียนไวโอเลท ใส่ลงไปในกระชังปลาเพื่อฆ่าเชื้อในน้ำ พร้อมเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจคุณภาพน้ำ และนำซากปลาไปเพาะเชื้อที่ศูนย์วิจัยฯ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดต่อไป คาดว่าประมาณวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ก็จะทราบผลว่าปลาที่ตายเกิดจากสาเหตุใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับปลากระชังของเกษตรกรในพื้นที่คลองจิหลาด ม.7 ต.ไสไทย นั้นทราบว่าในรอบปีนี้เริ่มทยอยตายมาตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมา และช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 56 และครั้งล่าสุด ช่วงเดือนมิถุนายน 56 รวมตายจำนวนมาก 3 ครั้ง ทยอยตายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ตัน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะลงทุนทั้งค่าพันธุ์ปลา และค่าอาหาร แต่ไม่สามารถนำปลาไปขายเพื่อคืนทุนได้ เนื่องจากปลาที่ตายแล้วพ่อค้าจะไม่รับซื้อ และหากว่าไม่ตายพ่อค้าก็จะรับซื้อในราคาที่ถูกลงกว่าปกติ